โควต้าเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังเป็นประเด็นถกเถียง ระหว่างสองพรรคใหญ่ เพื่อไทย และก้าวไกล หลัง "อดิศร เพียงเกษ" ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เปรียบเก้าอี้ประธานสภาฯเหมือน"พระบวชใหม่" จึงไม่ยอมรับให้เป็นเจ้าอาวาส
แม้ก่อนหน้านี้ "ประเสริฐ จันทรรวงทอง" เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ย้ำหลักการจัดสรรโควต้าเก้าอี้ประธานสภาฯ ให้ตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นโควต้า พรรคคะแนนอันดับหนึ่ง คือ พรรคก้าวไกล ส่วนรองประธานสภาฯ 2 ตำแหน่ง เป็นโควต้าพรรคอันดับสอง หรือ พรรคเพื่อไทย
สอดคล้องกับเสียงยืนยันจาก "หมอชลน่าน ศรีแก้ว" หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประกาศชัดเจนว่า "ขอถอนตัว"หากมีผู้เสนอชื่อให้ชิงเก้าอี้ประธานสภาฯ
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกล งัดเหตุผลพรรคอันดับ 1 ควรได้เก้าอี้ประธานสภาฯ เพื่อผลักดันผลักดันกฎหมายหาเสียงไว้อย่างน้อย 45 ฉบับ
โดยพรรคก้าวไกลต้องเคาะชื่อผู้เข้าชิง 3 คน ประกอบด้วย "ณัฐวุฒิ บัวประทุม"ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นตัวเต็งมาตั้งแต่ช่วงแรก รวมทั้งชื่อ "ปดิพัทธ์ สันติภาดา" ว่าที่ส.ส.พิษณุโลก และ"ธีรัจชัย พันธุมาศ" ว่าที่ ส.ส.กทม.
ณัฐวุฒิ จบการศึกษาปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต ม.ธรรมศาสตร์, ปริญญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต คหกรรมศาสตรบัณฑิต รัฐศาสตรบัณฑิต รัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.)
และ ปริญญาโท นิติศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง
เป็นส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ก่อนถูกยุบพรรคและย้ายอยู่กับพรรคก้าวไกล (2562-2566) เคยเป็นนักกฏหมาย และหัวหน้างานกฎหมาย มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก (2544-2562)
"ณัฐวุฒิ"บทบาทในฐานะรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นหนึ่งในคณะกรรมการวินัยและจรรณยาบรรณสมาชิกพรรคก้าวไกล ปัจจุบัน อายุ 46 ปี จึงถูกมองว่า พรรษาทางการเมืองน้อยสำหรับเก้าอี้ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร
แต่เจ้าตัวมั่นใจว่าสภาฯ ไม่ได้เป็นสภาฯ แบบโดด ๆ คนเดียว ยังมีสมาชิกร่วมกันทำงาน ที่สำคัญมีสมาชิกข้าราชการสภาฯ ที่อยู่กันมายาวนาน ยิ่งมีความรู้ความสามารถแนะนำได้
คอการเมือง ต้องลุ้น 4 ก.ค.นี้ "ณัฐวุฒิ บัวประทุม" จะได้โหวตให้ขึ้นเป็น “ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ คนที่ 32” หรือไม่ !!