ศาลนัดชี้ 11 ก.ค. คดี“ส.ว.อุปกิต” ฟ้อง“โรม”หมิ่นประมาทเรียก 100 ล้าน

26 มิ.ย. 2566 | 09:29 น.
อัปเดตล่าสุด :26 มิ.ย. 2566 | 09:34 น.

ศาลอาญานัดชี้ขาด 11 ก.ค.นี้ คดี “ส.ว.อุปกิต”ฟ้องหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน “รังสิมันต์ โรม” กรณีซักฟอกกล่าวหาเอี่ยวขบวนการค้ายา ทุนไทยดำ

วันที่ 26 มิ.ย. 2566 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง คดีที่นายอุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว. ยื่นฟ้องนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ในข้อหาหมิ่นประมาท และเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท สืบเนื่องจากการอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี กรณีอภิปรายในหัวข้อ เช็กบิลไทยดำ-จีนเทา กล่าวหาว่า นายอุปกิตเกี่ยวข้องขบวนการค้ายาเสพติด

นายอุปกิต กล่าวว่า ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องได้เตรียมพยานเบิกความในศาลจำนวน 2 ปากคือตน และบุคคลที่ 3 แต่ศาลจะให้ใช้ระยะเวลาในการไต่สวนพยานกี่ปากนั้นยังไม่ทราบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกลุ่มชาวบ้านเดินทางมาให้กำลังใจนายอุปกิต พร้อมทั้งมอบดอกไม้ บริเวณหน้าศาลอาญาด้วย

ด้านนายรังสิมันต์ โรม พร้อมทนายความ เดินทางมาศาล โดยกล่าวว่า มาในคดีที่ นายอุปกิต หรือที่รู้กันในชื่อ ส.ว.ทรงเอ ได้ฟ้องคดีจากการที่อภิปรายในสภา โดยวันนี้เป็นนัดไต่สวนมูลฟ้อง จริง ๆ กำหนดนัดเดิมเมื่อวันที่ 1 พ.ค.2566 และเลื่อนมาเพราะตัวผู้ฟ้องขอเลื่อน วันนี้ยังไม่แน่ใจในขั้นตอนกระบวนการแต่น่าจะไม่เลื่อนแล้ว ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องทางเราต้องดูว่า สุดท้ายในการสืบพยานที่จะไปสู่ขั้นตอนของการไต่สวนมูลฟ้องจะเป็นยังไงและไม่ทราบว่าสุดท้ายศาลจะรับฟ้องหรือไม่ วันนี้คงจะได้มีความคืบหน้า

ส่วนทนายความของ นายรังสิมันต์ โรม กล่าวว่า การไต่สวนมูลฟ้อง ศาลจะฟังพยานของฝ่ายโจทก์ว่าคดี มีมูลพอที่จะรับฟ้องไว้พิจารณาหรือไม่โดยพิจารณาจากพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ ถ้ามีมูลก็จะประทับฟ้องไว้พิจารณา แต่ถ้าไม่มีมูลก็พิพากษายกฟ้อง ในส่วนของผู้ที่ถูกฟ้องคดีนั้น ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาด้วยตนเอง แต่สามารถแต่งตั้งทนายความมาซักพยานฝ่ายโจทก์ได้

ภายหลังศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องเสร็จสิ้น นายอุปกิต ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ได้เตรียมหลักฐานมาครบทุกอย่าง ที่อีกฝั่งหนึ่งหมิ่นประมาท ไม่รู้สึกกังวลใจเพราะเป็นคนฟ้อง และอยากฝากถึงนักการเมืองที่บอกว่าตัวเองเป็นคนรุ่นใหม่ว่า จะกล่าวหาใครหรือใส่ร้ายใครขอให้ไตร่ตรองให้ดี เวลาขึ้นอภิปรายก็มีการหมิ่นประมาทมาโดยตลอด และพยายามทำทุกอย่างทุกวิถีทางเพื่อกดดันกระบวนการยุติธรรม 

“ทำไมคดีน้องของธนาธร จึงไม่ไปเร่งรัดอัยการแบบนี้ 2 ปียังไม่ได้ฟ้องเลย จึงขอฝากไปถึงนักการเมืองที่เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ แต่ใช้วิธีการยิ่งกว่าคนรุ่นเก่า ถ้ายังไม่หยุดจะฟ้องต่อไปอีกหลายกรรมหลายวาระ เพราะทำให้ผมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก”

ด้าน นายรังสิมันต์ กล่าวภายหลังไต่สวนมูลฟ้องว่า วันนี้เป็นการไต่สวนมูลฟ้องว่าคำฟ้องที่นายอุปกิต ฟ้องนั้นจะมีมูลเพียงพอที่จะให้ศาลประทับรับฟ้องหรือไม่ โดยจะมีการนัดฟังคำวินิจฉัยของศาลในวันที่ 11 ก.ค. 2566 เวลา 09:00 น. 

“มั่นใจว่าจะชนะคดีนี้อย่างแน่นอน เพราะเป็นการพูดตรงไปตรงมา ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในหน้าที่ของ ส.สใ มุ่งไปสู่รัฐบาลคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เป็นนายกรัฐมนตรีในเวลานั้น และปัญหาของยาเสพติด ข้าราชการการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือแม้กระทั่งตัวของรัฐบาลอาจจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เป็นเรื่องสำคัญ ไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไร เพราะสิ่งที่ทำเป็นการเปิดโปงที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ และประชาชนอย่างแน่นอน เมื่อพิจารณาจากข้อมูลพยานหลักฐานต่าง ๆ แน่นอนว่าไม่มีหลักฐานเท็จ”