วันที่ 2 ก.ค.2566 นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย(พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีประธานสภาฯ ระหว่างพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และพรรคเพื่อไทย ที่ยังไม่ลงตัวกัน ว่า ได้ข่าวอยู่เช่นกันว่าวันนี้ยังมีการกกันอยู่ และมีความหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะคุยกันแล้วจะเป็นผลที่ทุกฝ่ายพอใจ
เมื่อถามว่า หากทั้งสองฝ่ายคุยกันแล้วไม่ลงตัวทำให้ต้องมีการเสนอตัวกลาง ถือเป็นแนวทางที่ทำให้ลดความขัดแย้งหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับวิธีเจรจาและทั้งสองฝ่ายยอมรับได้หรือไม่ ใช้เหตุผลคุยกันโดยเอาเป้าหมายเป็นหลักคือรัฐบาลต้องมาจากฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนไม่ว่าจะเป็นพรรคพท. หรือพรรค ก.ก. หรือพรรคร่วมอีก 6 พรรคต้องยึดมั่น
นายเศรษฐา ยอมรับว่าก็ได้ทราบข่าวเช่นกันว่าพรรค พท.จะดัน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคและส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ (ปช.) ชิงตำแหน่งประธานสภา เพื่อลดความขัดแย้งระหว่างพรรค พท. และพรรคก.ก. ซึ่งตำแหน่งประธานสภา เป็นการตกลงกันระหว่างพรรคร่วมทั้ง 8 พรรค
ต่อข้อถามว่า มองว่านายวันมูหะมัดนอร์ มีความเหมาะสมหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นคำถามที่ลำบากหากจะให้ตนตอบ เชื่อว่ามีการโยนชื่อมาหลายชื่อและทุกชื่อที่มีการเสนอมามีความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นนายวันมูหะมัดนอร์ หรือทางพรรคก.ก.เสนอมา หรือเป็นคนจากพรรค พท.ก็ตาม และเชื่อว่าทุกคนมีประสบการณ์
อย่างไรก็ตาม คงไม่เป็นธรรมหากจะให้ตนตอบว่าใครมีความเหมาะสมหรือไม่ แต่เข้าใจว่าเราพยายามกันทุกฝ่ายที่จะได้รัฐบาลจากฝ่ายประชาธิปไตย และต้องทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน ตำแหน่งมีได้แค่คนเดียว และเข้าใจว่าหลายคนก็สถานภาพที่ค่อนข้างจะลำบาก หากมาจากพรรค ก.ก.หรือมาจากพรรค พท. หรือมาจากคนกลาง หากมีคนได้ก็ต้องมีคนเสีย
“อยากวิงวอนเช่นนี้ว่าเราอยู่ด้วยกัน จุดมุ่งหมายเดียวกัน นี่คือจุดเริ่มต้นการเดินทางครั้งสำคัญที่สุดของประเทศไทย จึงอยากวิงวอนว่าแม้ผลจะออกมาเช่นไรก็อยากให้ทุกฝ่ายยอมกันบ้าง เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ”
ถามว่า หากทั้งสองพรรคตกลงกันไม่ได้ ต้องเป็นคนนอก การทำงานของทั้งสองพรรคจะราบรื่นหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า คงเป็นเรื่องของคะแนนที่มีความใกล้เคียงกัน ซึ่งอาจจะเป็นประเด็นหนึ่งที่ส.ส.ของพรรคหลายคนยกขึ้นมา เป็นเรื่องที่น่าคิดเช่นกันแต่เราต้องยึดจุดมุ่งหมายเดียวกันและทำงานร่วมกัน คือเรามาทำงานให้พี่น้องประชาชนซึ่งเป็นเรื่องที่ตนมองว่าสำคัญที่สุด
จากที่ได้สัมผัสมากับคณะทำงานของพรรค ก.ก. ทุกคนที่เข้าประชุมด้วยกัน แม้บางคนจะอาวุโสน้อยกว่าแต่ก็ให้เกียรติคนที่ทำงานด้วยกันอย่างมาก ซึ่งก็ชื่นชมวิธีการทำงานของเขา
“เมื่อพรรคมีมติออกมาอย่างไร ในฐานะพรรคการเมืองประชาธิปไตยก็จะต้องน้อมรับ ซึ่งลูกพรรคก็ต้องทำตามมติพรรค อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถจะเอามติของเราไปก้าวล่วงพรรคอื่นไม่ได้ โดยจากบรรยากาศที่คุยกันเชื่อว่าทุกคนอยากให้ฝ่ายประชาธิปไตยจับมือด้วยกันและเดินทางด้วยกัน”