"ปดิพัทธ์"แคนดิเดตประธานสภา ลั่น!เป้าหมายสร้างรัฐสภาโปร่งใส

02 ก.ค. 2566 | 11:42 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ก.ค. 2566 | 12:03 น.

"ปดิพัทธ์"แคนดิเดตประธานสภา พรรคก้าวไกล ขึ้นเวที "อนาคตประเทศไทย ภายใต้รัฐบาลใหม่"ประกาศเป้าหมายสร้างรัฐสภาโปร่งใสมีประสิทธิภาพ และเป็นของประชาชน

วันที่ 2 ก.ค. 2566 นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 และแคนดิเดทประธานสภา จากพรรคก้าวไกล ขึ้นเวที "อนาคตประเทศไทย ภายใต้รัฐบาลใหม่" ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน โดยมี นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ผู้จัดการการสื่อสารและรณรงค์นโยบาย พรรคก้าวไกล ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ด้วย โดยระหว่างการบรรยายปดิพัทธ์ ได้แสดงวิสัยทัศน์ในการสร้างรัฐสภาไทยให้เป็น Open Parliament หรือรัฐสภาที่เปิดเผยโปร่งใส

นายปดิพัทธ์ ระบุว่า ต้องมีการเปลี่ยนแปลงองค์กรนิติบัญญัติอย่างรัฐสภาเพื่อให้อำนาจแก่พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะกฎหมายที่เสนอโดยประชาชนต้องถูกนำมาพิจารณา เพราะที่ผ่านกฎหมายของประชาชนเสียงไม่ดังพอ มักไม่ผ่านการพิจารณาของสภา ต่างจากกฎหมายที่เสนอโดย ครม.
 

นายปดิพัทธ์  กล่าวว่า ถ้าเราอยากทำการเมืองใหม่ ทำการเมืองดี เราคาดหวังแค่ทำเนียบรัฐบาลไม่ได้ ต้องคาดหวังไปที่การปฏิรูปหรือการเปลี่ยนแปลงองค์กรนิติบัญญัติด้วย นี่จึงเป็นที่มาของการฟอร์มทีม เราเอาจริงเอาจังในการเข้าไปบริหารองค์กรนิติบัญญัติ เรากระตือรือร้นที่จะเข้าไปสร้างความเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เพราะต้องการตักตวงทรัพยากรเข้าตัวเอง แต่เห็นว่าถ้ากระบวนการนิติบัญญัติดีมันจะทำให้ประเทศก้าวหน้าได้"

นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 พรรคก้าวไกล

"ถ้าสภาเป็นที่ตั้งในการผลิตกฎหมายให้กับครม. กฎหมายของประชาชนยากที่จะผ่าน ทั้งที่ประชาชนที่มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง รอกฎหมายนี้มาหลายสิบปี ส.ส. 20 คน สามารถเสนอกฎหมายได้

เพราะฉะนั้นคนจากพรรคเล็ก ก็มีสิทธิที่จะเสนอกฎหมายได้ใช่ไหมครับ เพราะประชาชนเลือกเขามา ถ้าพรรคประชาชาติมี ส.ส. 9 ท่าน หาเพิ่มให้ถึง 20 ท่าน ก็ควรจะเสนอกฎหมายที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เห็นสมควรจริงไหม ทำไมเราจะไม่ให้ส.ส. 20 คนเสนอกฎหมายเข้าไปได้ อันนี้คือกระบวนการนิติบัญญัติที่เราต้องการเข้าไปเปลี่ยนแปลง

กระบวนการนิติบัญญัติ และประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ต้องไม่เป็นนั่งร้านหรืออยู่ใต้อาณัติของรัฐบาล ไม่เกรงใจพรรคการเมืองใด"

นายปดิพัทธ์ เชื่อว่า หากระบบนิติบัญญัติเข้มแข็ง จะเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ของกระบวนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบประชาธิปไตยเต็มใบ ถ้าประชาชนมีความเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา จะทำให้เกิดความหวังทั้งบนท้องถนน ในสภา และในคูหาการเลือกตั้ง

นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ประกาศเป้าหมายสร้างรัฐสภาโปร่งใสมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ แคนดิเดทประธานสภาจากพรรคก้าวไกล ได้แสดงวิสัยทัศน์ถึงแนวทางการจัดการพื้นที่อาคารรัฐสภาด้วย โดยระบุว่าในช่วงการระบาดของโควิด-19 ตนได้เห็นประชาชนหลากหลายอาชีพ เดินทางเข้าไปยื่นหนังสือ ทั้งนักดนตรี ไรเดอร์ ฯลฯ ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจและโรคระบาด

จึงอยากให้ทุกอาชีพเข้าไปใช้บริการได้อยากสะดวกสบาย และถ้าหากเดินทางไปสภาด้วยรถสาธารณะ จะพบว่า ไม่มีเส้นทางให้เดินเข้าไปใช้บริการ เพราะอาคารคิดมาเพื่อให้ใช้รถยนต์ส่วนตัว และนี่คืออันตรายของการออกแบบที่ทำให้ประชาชนรู้สึกไม่มีอำนาจ

และอยากจะทำให้อำนาจของประชาชนยังอยู่ โดยการสร้าง Open Parliament และสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตยให้อยู่ในทุกที่ของชีวิตประจำวัน เพื่อให้ประชาชนมีอำนาจอย่างยั่งยืน

"ถ้าผมได้เป็นประธานสภา แล้วประชาชนอยากตรวจสอบงบประมาณของผม ทำได้เลยครับ ผมตั้งใจว่าจะทำให้สภาเป็น Open Parliament ทุกอย่างจะเปิดเผยโดยที่ประชาชนไม่ต้องร้องขอ ทุกคนก็จะรู้ว่าประธานคนนี้ขับรถประจำตำแหน่งอะไร บินไปดูงานที่ไหนบ้างใช้เงินภาษีไปตัดสูทของตัวเองกี่บาท"