วันที่ 10 ก.ค.2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โพสต์คลิปพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ระบุว่า...
ทางเลือกของก้าวไกล
ก้าวไกลได้รับเสียงจากประชาชนกว่า 14 ล้านเสียง
แต่ยังต้องลุ้นเสียง ส.ว. อีกว่าจะโหวตผ่านให้พิธาเป็นนายกฯ หรือแม้แต่จะให้ก้าวไกลอยู่ในสูตรจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่
อย่างที่ผมเคยบอกไว้ว่า “มีก้าวไกล ไม่มี ส.ว.”
ก้าวไกลต้องเลือก หากต้องการเป็นรัฐบาลต้องเลิกแตะ ม.112
แต่การถอย คือการฆ่าตัวตายทางการเมือง เพราะมีจุดยืนหาเสียงไว้ชัดเจน
ก้าวไกลยืนกรานไม่ถอย และเดินสายขอบคุณประชาชนถี่ยิบเพื่อให้เห็นว่า “เข้าตามตรอก ออกตามประตู” เดินตามกติกาประชาธิปไตย สร้างความหวังให้คนเห็น
แต่อำนาจในการบริหารประเทศไม่มีใครยกให้ง่ายๆ เหมือนอย่างที่พูด “มีลุง ไม่มีเรา”
ก้าวไกลต้องตัดสินใจครั้งสำคัญเพื่อจะได้โอกาสบริหารประเทศต่อไป
หากยุ่งเกี่ยวกับ ม.112 ได้ไปเป็นฝ่ายค้านแน่
แต่การผลักให้ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน เป็นแค่การเลื่อนเวลา และกลับจะทำให้ก้าวไกลเข้มแข็งขึ้น
หากก้าวไกลได้บริหารประเทศ จะได้เห็นข้อผิดพลาดมากกว่าจากมือใหม่ ที่ต้องไปเจอระบบราชการที่เขี้ยวลาก
อย่าคิดว่าจะจัดการได้ทุกเรื่องในเวลาที่จำกัด และเงื่อนไขที่ไม่เอื้ออำนวย
ก้าวไกลจะถูกโดดเดี่ยว แม้ว่าได้คะแนนเสียงมาก แต่เป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ที่ต้องต่อสู้กับระบบเก่า
การเมืองคือการประนีประนอม หากไม่ประนีประนอม ก็หมายถึงสงคราม
ก้าวไกลต้องเรียนรู้เพื่อก้าวไปข้างหน้า ไม่ใช่ก้าวไปเป็นเงื่อนไขให้ถูกผลักกลับไปแบบเดิมอีก
ทุกวันนี้ประชาชนมองก้าวไกลเสมือนหนุ่มสาวที่มีไฟอุดมการณ์คุกรุ่น ในประเทศที่การเมืองอยู่ในมือของคนรุ่นเก่า
เลือกมาผิดหรือถูก อนาคตตัดสินได้ เป็นบทพิสูจน์ว่าความหวังฝากไว้ที่คนรุ่นใหม่ได้หรือไม่
ไม่มีประเทศไหนฝากอนาคตไว้กับคนรุ่นเก่า
มันแค่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น