วันนี้ (12 กรกฎาคม 2566) ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งรับคำร้องกรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นขอให้พิจารณาวินิจฉัย กรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล หาเสียงเลือกตั้ง โดยเสนอร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่.. พ.ศ. .... เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยศาลให้ผู้ถูกร้องทำคำชี้แจงมายังสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ภายใน 15 วัน
ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งว่า กรณีดังกล่าวเป็นคำร้องที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ว่าการกระทำของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 2 ที่เสนอร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่.. พ.ศ. .... เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งและยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่
ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องเป็นกรณีที่นายธีรยุทธ ขอให้ศาลวินิจฉัยว่าการกระทำของนายพิธา และพรรคก้าวไกล เป็นการใช้สิทธิ์หรือเสรีภาพล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 หรือไม่
โดย นายธีรยุทธ ได้ยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดเพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคสอง แล้วแต่อัยการสูงสุดไม่ได้ดำเนินการตามที่ร้องขอภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ กรณีจึงเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคสาม ที่นายธีรยุทธจะยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้
ทั้งนี้เมื่อศาลมีคำสั่งรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัยตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 7(3) แล้ว แจ้งให้นายธีรยุทธทราบ และให้นายพิธา และพรรคก้าวไกลยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 54
นอกจากนี้เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาแจ้งอัยการสูงสุดว่า หากอัยการสูงสุดได้รับพยานหลักฐานใดเพิ่มเติมให้จัดส่งศาลรัฐธรรมนูญโดยเร็ว