"พิธา" ไม่กังวล กกต.ส่งศาลฟันคุณสมบัติ เชื่อ ส.ว.แยกแยะได้

12 ก.ค. 2566 | 08:49 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ก.ค. 2566 | 12:28 น.

"พิธา เจริญรัตน์" หัวหน้าพรรคก้าวไกล เผยไม่กังวล กกต.ส่งศาลฟันคุณสมบัติ เชื่อ สว. แยกแยะเรื่องที่เกิดขึ้นได้ - ยอมรับรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม-เร่งรัดคดีกกต. กรณีถือครองหุ้น ITV

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะหัวหน้าพรรคฯ กล่าวภายหลัง กกต. มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยคุณสมบัติ กรณีการถือครองหุ้น ITV โดยมั่นใจว่า กระบวนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) จะยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง และรอคำสั่งจากศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมขอบคุณประชาชนที่ส่งกำลังใจมาให้ และตนเองก็ยังคงมีกำลังใจที่ดี

 

นายพิธา ยังย้ำด้วยว่า ไม่รู้สึกกังวลต่อการส่งสารรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติ ซึ่งอาจจะมีผลต่อการตัดสินใจลงมติของสมาชิกวุฒิสภา ในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) โดยเชื่อว่า สมาชิกวุฒิสภา จะสามารถแยกแยะหน้าที่ได้ รวมถึง ITV ก็ยังเป็นสื่อมวลชนที่ปิดตัวไปนานแล้ว จึงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ และสถานะการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของตนเอง ก็ยังมีผลอยู่

ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ไม่เคยเรียกให้ไปชี้แจงข้อมูลใดๆเพิ่มเติมจะเป็นทำต่อตนเองหรือไม่นั้น นายพิธา ยอมรับว่า รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม และยังมีการนำคำร้องของตนเอง ไปเทียบเคียงกับคดีอื่น ที่มีลักษณะเป็นการกู้เงิน ซึ่งถือเป็นคนละรูปแบบกัน ดังนั้น กกต. จึงควรเปิดโอกาสให้ตนเองได้ชี้แจง และระยะเวลาการไต่สวนก็เป็นไปในระยะสั้น ประมาณ 32 วัน สั้นกว่าคดีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถึงครึ่งหนึ่ง และยังมีบรรทัดฐานที่แตกต่างกันกับคดี ที่เกี่ยวข้องกับคณะรัฐมนตรีชุดรักษาการปัจจุบัน จึงทำให้ดูเหมือนเป็นการเร่งรัดคดี และยังเกิดขึ้นเพียง 1 วันก่อนที่รัฐสภาจะมีการลงมติเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี แต่ตนเองก็ยังมั่นใจว่ากระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีจะยังคงเดินหน้าไปตามปกติ

นายพิธา ยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่มีการล็อบบี้สมาชิกวุฒิสภา ไม่ให้มีการลงมติให้ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีโดยได้ตั้งข้อสังเกตว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าว เป็นการสะท้อนว่า ในสภาตนเองมีโอกาส ที่จะได้รับเสียงสนับสนุนถึง 376 เสียงแล้วหรือไม่ และเชื่อว่า แนวโน้มการลงมติในวันพรุ่งนี้จะเป็นไปในทิศทางที่ดี จึงทำให้เกิดกระบวนการดังกล่าวเกิดขึ้น

นายพิธา ยังย้ำด้วยว่า กระบวนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ ตนเองไม่มีความเป็นห่วงหรือกังวลใจ เพราะกระบวนการก็เป็นไปตามปกติ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) ตนเองก็จะเดินทางมาที่รัฐสภาตามปกติ เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ และตอบข้อซักถามในการเลือกนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่าชัดเจนแล้วหรือไม่ว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง นายพิธากล่าวว่า ตนหวังว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น เพราะการที่จะกลั่นแกล้งตนเพียงคนเดียว มีราคาที่ต้องจ่ายสูง กับระบบกลไกในการบริหารราชการ บริหารประเทศ และหลักเกณฑ์ในการดูแลเรื่องบรรทัดฐานของคนที่จะมาเป็นนักการเมือง เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ถ้าจะสกัดแค่ตนเพียงคนเดียวหรือพรรคก้าวไกลไม่ให้เข้า แต่เป็นเรื่องเสียงส่วนมากของประชาชนที่แสดงออกมาผ่านการเลือกตั้งใน 2 เดือนที่ผ่านมา เป็นความหวังของเขา ส่วนการชุมนุมตนมั่นใจว่าไม่มีสถานการณ์อะไร แต่ต้องเข้าใจว่า ส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยคือการรวมตัวกันอย่างสันติ เป็นการควบคุมวาระทางสังคม ซึ่งตนก็พยายามที่จะอธิบายผ่านทางสื่อมวลชนไปแล้ว ว่าตนไม่ได้เสียขวัญ กำลังใจดี ประชาชนก็เช่นเดียวกัน เรื่องแบบนี้เข้าใจว่าบางทีมีอารมณ์ เพราะเขาออกไปเลือกคนของเขามาแล้ว แต่ถ้าเรามุทะลุมากเกินไป ก็ไม่เป็นผลดีกับสิ่งที่พวกเราจะทำ อะไรที่มันสำคัญ อะไรที่มันยิ่งใหญ่ ก็ต้องใช้เวลา และยากเสมอ แต่ตนคิดว่าเราสามารถบริหารจัดการสถานการณ์ต่างๆ ได้ ซึ่งพรุ่งนี้ก็จะเข้าสภาตามปกติ และแถลงวิสัยทัศน์เหมือนเดิม

เมื่อถามว่าต้องมีการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทย (พท.) อีกครั้งหรือไม่ ในกรณีนี้ นายพิธากล่าวว่า ตนยังไม่มีเวลาที่จะได้พูดคุยกัน แต่เมื่อกลับจากการเข้ารายการจะมีการประชุมกัน ซึ่งตนจะต้องดูอีกทีว่าจะมีการพูดคุยอะไรกัน