"แทนคุณ-ราเมศ" จี้ดำเนินคดี "ปดิพัทธ์" โพสต์ภาพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

14 ส.ค. 2566 | 11:35 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ส.ค. 2566 | 11:36 น.

"แทนคุณ-ราเมศ" ประสานเสียง จี้ ประธานสภา ปลด "ปดิพัทธ์ สันติภาดา" รองประธานสภา หลังโพสต์ภาพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชี้ เข้าองค์ประกอบกฎหมายต้องดำเนินคดี

จากกรณีที่ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ของพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ภาพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ระบุว่า เป็นของดีพิษณุโลก ผ่านทางโซเชียลมีเดียของตนเองนั้น นายแทนคุณ จิตต์อิสระ รักษาการประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ ให้ความเห็นต่อเรื่องนี้โดยมองว่า เป็นการทำผิดมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ที่บัญญัติว่า

"ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม"

นายแทนคุณ ระบุต่อไปว่า ตนเป็นหนึ่งในผู้ที่เคยร่วมผลักดัน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 เพื่อป้องกันมิให้การเผยแพร่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีมากเกินไป จนนำมาซึ่งการเมามายขาดสติ เกิดอุบัติเหตุ เกิดความสูญเสียทั้งทรัพย์สินและชีวิตของพี่น้องประชาชนคนไทย

แม้ว่า สุราพื้นถิ่นจะเป็นเรื่องที่สนับสนุนส่งเสริมอาชีพ และการนำผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรมาแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม แต่การโฆษณาชวนเชื่อโดยตรงหรือโดยอ้อม ย่อมผิดกฎหมายชัดเจน 

อีกทั้ง นายปดิพัทธ์ เป็นถึงรองประธานสภาผู้แทนราษฎร สมควรที่จะรู้และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมทั้งมาตรฐานทางจริยธรรมที่กำกับดูแลนักการเมืองไม่ให้ประพฤติชั่ว เพราะการดื่มแอลกอฮอล์ย่อมทำให้ขาดสติและขาดความยับยั้งชั่งใจ

เหมือนก่อนหน้านี้ที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ของพรรคก้าวไกล ขาดสติ ขาดวุฒิภาวะ ไปกระทืบซ้ำคนล้มและเกิดวิวาทเพราะการเมา เชื่อว่าหากมีสติสัมปชัญญะที่ดี ย่อมไม่ทำแบบอย่างที่เลวให้กับเยาวชนและสังคม

ขอให้ท่านประธาน วันมูหะมัดนอร์ มะทา ได้โปรดพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายดังกล่าว และประมวลจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้เด็ดขาด มิให้เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เชื่อว่าประชาชนคาดหวังการรักษากฎหมายของนักการเมือง มิให้ทำให้รัฐสภาต้องด่างพร้อย เพราะการกระทำของคนไม่กี่คนจากพรรคก้าวไกลอีก

ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงประเด็นเดียวกันว่า ในหลักการของ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควบคุมในเรื่องการโฆษณาไว้ มีเจตนารมณ์เพื่อปกป้องสังคมไม่ให้มีการโฆษณา

มาตรา 32 คือ การโฆษณาเสนอขายหรือส่งเสริมการขายกฎหมายห้าม และอีกกรณีคือห้ามแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมกับการมีข้อความหรือพฤติการณ์ที่เป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้คนอื่นอยากจะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นหลักกฎหมายใช้บังคับกับทุกคน

ในส่วนของ นายปดิพัทธ์ นั้น จากข้อเท็จจริงมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า มีการโพสต์แสดงชื่อแอลกอฮอล์จริงหรือไม่ ตอบได้ตรงกัน คือ มีการโพสต์ภาพคราฟต์เบียร์จริงและเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แน่นอน

ประการต่อมาที่ต้องวินิจฉัยต่อ คือ ข้อความที่โพสต์ ถือว่าเป็นข้อความหรือพฤติการณ์ที่เป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้คนอื่นอยากจะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่ ตอบได้ตรงกันอีกเช่นกัน คือ มีข้อความที่อวดอ้างชักจูงใจให้คนอื่นดื่ม เพราะบอกว่าเป็นของดี สื่อสารออกไปเพื่อให้คนอื่นอยากดื่ม เข้าองค์ประกอบกฎหมายทุกประการ ต้องดำเนินคดีเพื่อให้กระบวนการยุติธรรมตัดสินตามกฎหมาย ผิดถูกก็ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง

ทั้งนี้ นายปดิพัทธ์ เป็นถึงรองประธานสภาผู้แทนราษฎร การปฏิบัติตนตามหลักกฎหมายบ้านเมือง คือ สิ่งสำคัญ เรื่องนี้ก็ให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ความเห็นของผมก็แค่ความเห็นส่วนตัว อาจจะมีใครเห็นต่างจากนี้ก็ได้ แต่นายปดิพัทธ์ เป็นบุคคลสาธารณะ

ผมในฐานะประชาชนคนหนึ่งมีสิทธิที่จะติติงได้ว่า ท่านผู้ทรงเกียรติไม่ควรทำสิ่งนี้ จะมีแนวในการแสดงออกอย่างไรก็ควรคำนึงถึงสังคมและกฎเกณฑ์กติกาบ้าง เชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นประเด็นในวันสองวันนี้แน่นอน นายราเมศ กล่าวทิ้งท้าย