ในขณะที่คอการเมืองจับจ้องการจัดตั้งรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยเวลานี้ การต่อรองโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรีจากพรรคการเมืองต่าง ๆ เป็นอีกประเด็นที่มีการถูกพูดถึงหนาหูอยู่เช่นกัน
อย่างไรก็ดี "ฐานเศรษฐกิจ" ขอพาย้อนรอยดูความเปลี่ยนแปลงของพรรคการเมืองไทยเฉพาะในส่วนของ "พรรคเพื่อไทย" กันก่อนโดยเริ่มต้นจาก "พรรคไทยรักไทย" ต่อเนื่องมาถึง "พรรคพลังประชาชน" ซึ่งทั้งสองพรรคถูกให้ "ยุบพรรค" ก่อนจะก่อรูปใหม่กลายเป็น "พรรคเพื่อไทย" ในปัจจุบัน
เมื่อเราได้ลองพลิกดูประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของนับตั้งแต่ พรรคไทยรักไทย ต่อเนื่องถึงพรรคพลังประชาชน กระทั่งถึงพรรคเพื่อไทยในปัจจุบันนั้น
รัฐบาลภายใต้การนำของ "ไทยรักไทย" ที่มีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้ส่งคีย์แมนคนสำคัญ ๆ ของพรรคนั่งคุมเก้าอี้หลักกระจายอยู่ในหลายกระทรวงด้วยกัน ที่น่าสนใจพบว่า มี 2 กระทรวงเศรษฐกิจหลักที่ไม่เคยแบ่งให้พรรคไหนเข้ามาคุม เป็นรัฐมนตรี นั่นคือ กระทรวงพาณิชย์ ที่ดูแลปัญหาปากท้องประชาชน กับกระทรวงการคลัง ที่บริหารภาพรวมเศรษฐกิจ ดูแลการเงิน การคลังของประเทศ
กระทรวงพาณิชย์ โดยช่วงแรกสมัยพรรคไทยรักไทย ทักษิณ ส่ง นายอดิศัย โพธารามิก ดำรงตำแหน่งเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2544 ถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2546 ก่อนส่งไม้ต่อให้ นายวัฒนา เมืองสุข ซึ่งเข้ารับช่วงต่อตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2546 ถึงวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2548
ตามด้วยนายทนง พิทยะ เข้าดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2548 ถึงวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ.2548 และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ดำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2548 จนถึงวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549
ก่อนจะถูกคณะปฏิรูปก่อนปกครองในระบอบประชาธิปไตย (คปค.) เข้ายึดอำนาจ ต่อมาภายใต้การนำของพรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาลได้ส่ง นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ นั่งคุมกระทรวงพาณิชย์ ได้ไม่ถึงปี นายไชยา สะสมทรัพย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนก็เข้านั่งกุมบังเหียนกระทรวงนี้แทน (ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2551 -2 ธันวาคม พ.ศ.2551)
เว้นวรรคไปในช่วงสมัยรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ นางพรทิวา นาคาศัย เลขาธิการพรรคภูมิใจไทยได้เข้ามาคุมกระทรวงนี้ ต่อมาในสมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ส่ง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ได้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่ากระทรวงพาณิชย์ เริ่มดำรงตำแหน่ง 9 สิงหาคม 2554 จนถึงวันที่ 18 มกราคม 2555
จากนั้นในปี 2554 นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ จึงได้เข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม 2555 ถึง วันที่ 30 มิถุนายน 2556 โดยมีนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน 2556 ถึงวันที่ 22 พฤษภาคม 255 ซึ่งเป็นวันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ายึดอำนาจ
จะเห็นได้ว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคไทยรักไทย ต่อด้วย พลังประชาชน จนถึง เพื่อไทย นั้น รัฐมนตรีที่คุมกระทรวงพาณิชย์ล้วนเป็นคนของพรรคภายใตเงาทักษิณทุกคน
เช่นเดียวกับ "กระทรวงการคลัง" ที่มีการหมุนเวียนคนของพรรคมานั่งบริการดูแลกระทรวงนี้มากถึง 7 คนในช่วงปี 2544 เป็นต้นมา เริ่มจากสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร สมัยไทยรักไทยได้ให้ นายสมคิด มาเป็น รมว.คลัง ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2544 - 3 ตุลาคม 2545 ต่อด้วย ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รับไม้ต่อตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2546 -10 มีนาคม พ.ศ.2547
จากนั้นนายสมคิด เข้ารับช่วงต่อระหว่างวันที่ 11 มีนาคม 2548 ถึงวันที่ 2 สิงหาคม 2548 ต่อด้วย ดร.ทนง พิทยะ เข้ากุมบังเหียนต่อในวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ.2548 ถึงวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549
นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ - 9 กันยายน พ.ศ. 2551 นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นต้น
เมื่อเทียบกับเก้าอี้รัฐมนตรีเศรษฐกิจอย่าง กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพลังงาน จะส่งคนของพรรคเข้ามานั่งสลับกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ๆ อยู่เนือง ๆ ดังเช่น
เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ที่ในช่วงแรกของรัฐบาลนายทักษิณ นั้น นายชูชีพ หาญสวัสดิ์ จากพรรคชาติไทยพัฒนาได้นั่งเก้าอี้นี้ ก่อนจะส่งนายสรอรรถ กลิ่นประทุม รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน มานั่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงนี้
จากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รองหัวหน้าพรรคความหวังใหม่ ในขณะนั้นจึงได้เข้ามานั่งเก้าอี้นี้ต่อ ในปี 2548 -2549 จึงได้ให้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เข้ามาดำรงตำแหน่งนี้ต่อ เป็นต้น
ขณะที่เก้าอี้ "กระทรวงพลังงาน" เป็นการสลับคนจากพรรคไทยรักไทย กับพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ โดยช่วงปี 45-48 เป็นคนจากพรรคไทยรักไทย อาทิ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา นั่งดำรงตำแหน่งเป็น รมว.พลังงาน ในปี 2545-2546
ต่อด้วย นายพรหมินทร์ เลิศสุรีย์เดช และนายวิเศษ จูภิบาล ที่ดำรงตำแหน่งในปี 2546-2549 ต่อมาในรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคพลังประชาชน พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ ได้ดำรงตำแหน่งในปี 2551
ต่อจากนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กระทั่งรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล ที่ขณะนั้นเป็นหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา (เดิม คือ พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา) ได้เป็นรัฐมนตรีว่ากระทรวงพลังงาน เป็นต้น
จากข้อมูลจะเห็นได้ว่า กระทรวงหลักคุมเศรษฐกิจไทย อย่าง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรงการคลังไม่เคยหลุดรอดไปอยู่ในมือพรรคการเมืองอื่นตลอดระยะเวลาที่ การเมืองไทย ถูกขับเคลื่อนโดยพรรค ทุกยุคทุกสมัยตลอดช่วงที่ผ่านมา
ต้องจับตาดูว่าการจัดตั้งรัฐบาล 2566 ที่กำลังจะเกิดขึ้น ทักษิณ ยังกอด 2 กระทรวงเศรษฐกิจหลัก อย่าง กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ได้อีกหรือไม่