โผครม.เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เริ่มปรากฏรายชื่อออกมาแล้วว่าใครคว้าตำแหน่งรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีช่วยฯ แม้ตอนนี้รายชื่อยังไม่นิ่ง แต่รายชื่อของ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย น่าจะลงตัวที่ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด เพราะพรรคไทยประกาศเดินหน้าแจกเงินดิจิทัล 10000 บาท โดยจะเริ่มโครงการต้นปี 2567
พลิกประวัติ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง”
เมื่อพลิกไปดู ประวัติของ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ว่าที่รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส เกิดวันที่ 1 เมษายน 2503
ประวัติการศึกษา
ประสบการณ์ทางการเมือง
ผ่านโยบายดิจิทัลพรรคเพื่อไทย
ขณะที่พรรคเพื่อไทย ได้กำหนดนโยบายรัฐบาลดิจิทัลเพื่อประชาชน ไว้ดังนี้เพิ่มความโปร่งใสและประสิทธิภาพของภาครัฐDigital Government คือการพลิกเปลี่ยนจาก “รัฐอุปสรรค” เป็น “รัฐสนับสนุน” เพื่อปลดล็อคศักยภาพของประชาชนและผู้ประกอบการให้เป็นฟันเฟืองขับเคลื่นเศรษฐกิจไปด้วยกันและในขณะเดียวกันคือลดช่องทางการคอรัปชั่น การสร้าง One Stop Service สำหรับการให้บริการภาครัฐ การขออนุญาติ อนุมัติต่างๆจะต้องง่ายสะดวกอยู่ในแพลตฟอร์มเดียว ลดดุลพินิจเจ้าหน้าที่ สร้างกฏเกณฑ์ชัดเจนโดยใช้ระบบเข้ามาเป็นตัวจดเช่น การใช้ Smart Contract เพื่อลดโอกาสในการคอรัปชั่น กำหนดระยะเวลาในการอนุมัติให้แน่นอน เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และตัดปัญหาการเตะถ่วงและปิดช่องการเรียกเก็บค่าอนุมัติ พรรคเพื่อไทยสนับสนุน Central Bank Digital Currency (CBDC) และเดินหน้าพัฒนาร่วมกันธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นแพลตฟอร์มเปิดสำหรับทุกคน เพื่อยกระดับระบบการเงินของประเทศเพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล
นโยบายปราบอาชญกรรมไซเบอร์
พรรคเพื่อไทยตระหนักถึงภัยอาชญากรรมไซเบอร์ ซึ่งคือทุกข์ของประชาชนสร้างความเสียหาย ด้วยการหลอกลวง ขโมยเงินจากอบัญชีธนาคารพรรคเพื่อไทยจะปกป้องประชาชน ด้วยการใส่ใจ จัดการอย่างเฉียบขาด ทันการ ทันที เท่าทันโลก ทันเทคโนโลยี โดยการวางระบบป้องกันภัยไซเบอร์อย่างมีประสิทธิภาพ ธนาคารส่งข้อมูลกรณีกลโกงอาชญากรไซเบอร์ให้ทันการณ์อาชญากรรมจากเทคโนโลยีจะต้องใช้เทคโนโลยีที่เท่าทันเข้าสู้ เพื่อไทยจะแก้ปัญหาภัยไซเบอร์ ไม่ปล่อยอาชญากรรมไซเบอร์ลอยนวล และขยายตัวออกไปสร้างความเสียหายต่อประชาชนซ้ำซากรายวัน สูญเสียทั้งทรัพย์สิน และชีวิตอีกต่อ
นโยบายเทคโนโลยีและนัวตกรรม
Blockchain จะเป็นโครงข่ายสำคัญที่จะทำให้ Fintech เทคโนโลยีทางการเงินหรือเติบโตและจะทำให้คนไทยสามารถระดมทุนจากทั่วโลกได้ โดยเฉพาะ SME หรือ StartUp ทั้งหลายรวมทั้งการระดมทุนให้กับเกษตรกร และการขายสินค้าล่วงหน้า เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความสามารถทางศิลปะและการออกแบบ ได้ขายผลงานในตลาดโลกได้ง่ายขึ้น แล้วประเทศไทยจะกลายเป็น Blockchain Hub และ Fintech Center ของภูมิภาคอาเซียน.
ที่มา: พรรคเพื่อไทย