“ปฏิรูป-ลดกำลังพล-งบเหล่าทัพ“ 3 โจทย์ใหญ่ในมือ“บิ๊กสุทิน-พล.อ.นิพัทธ์”

04 ก.ย. 2566 | 09:27 น.
อัพเดตล่าสุด :04 ก.ย. 2566 | 11:03 น.

“ปฏิรูป-ลดกำลังพล-งบเหล่าทัพ“ 3 โจทย์ใหญ่ในมือ ”บิ๊กสุทิน-พล.อ.นิพัทธ์” รัฐมนตรีกลาโหมที่เป็นพลเรือนแท้ๆ คนแรกของประเทศไทย ไม่มีตำแหน่งนายกรัฐมนตรีค้ำยัน สายข่าวกองทัพไทยระบุ “ฟังหู ไว้หู” เหตุแนวคิด”นิพัทธ์”ท้าทายอำนาจผู้นำเหล่าทัพยุค คสช.เรืองอำนาจมาแล้ว

วันที่ 3 ก.ย. 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้นำ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม และ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การต่างประเทศ ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน กับว่าที่ ผู้บัญชาการเหล่าทัพคนใหม่  3 คน ประกอบด้วย  พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ว่าที่ ผบ.ทสส., พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ว่าที่ ผบ.ทบ., พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยว ว่าที่ ผบ.ทร. ที่โรงแรมโรสวูด ย่านเพลินจิต กทม. โดยเป็นการพบปะเพื่อทำความรู้จักแนวคิด นโยบายการทำงาน โดยได้ขอให้ทหารช่วยสนับสนุนรัฐบาลมาพัฒนาประเทศด้วยกัน 

ขณะเดียวกัน นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ก็ได้เชิญ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. ไปพูดคุย ทาบทามให้มาช่วยงาน เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

 

โดยได้มอบหมายงานในบางส่วนตามนโยบายของรัฐบาล อาทิเช่น การปฏิรูปกองทัพ การปรับลดงบประมาณเหล่าทัพ การปรับวิธีการคัดเลือกทหารกองเกิน, การปรับโครงสร้างกองทัพ การทำหน่วยทหารให้เข้าถึงมากขึ้น หน่วยทหารใดที่มีโรงพยาบาลทหาร ก็ให้เปิดรับรักษาประชาชนเพิ่มมากขึ้น เปิดพื้นที่ของทางราชการทหารให้เป็นประโยชน์ทางด้านการเกษตรเพิ่มมากขึ้น และ การทำกองทัพให้ทันสมัย เป็นต้น

ทั้งนี้ในปี 2566 กระทรวงกลาโหมได้งบประมาณไปทั้งสิ้น 1.97 แสนล้านบาท คิดเป็น 6.2% ของงบประมาณทั้งหมด มากเป็นอันดับ 4 เมื่อเทียบกับทุกกระทรวง อันดับแรกคือ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย และ กระทรวงการคลัง โดยงบประมาณทั้งหมดแยกได้ดังนี้ 

กองทัพบก 9.66 หมื่นล้านบาท กองทัพเรือ 4.03 หมื่นล้านบาท กองทัพอากาศ 3.61 หมื่นล้านบาท กองบัญชาการกองทัพไทย 1.45 หมื่นล้านบาท สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม 9.24 พันล้านบาท สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ 505 ล้านบาท เป็นงบใช้จ่ายด้านบุคลากรกองทัพบก กองทัพไทย สำนักปลัดกระทรวง มากที่สุด 62.4% กองทัพเรือ 53.3% และ กองทัพอากาศ 39.2%

ขณะที่แผนปฏิรูปกองทัพ แผนปรับลดกำลังพล เป็นแผนของกระทรวงกลาโหม ที่เรียกว่า “แผนแม่บท พ.ศ.2560-2569” จะมีการปรับลดกำลังพล 2 ระดับ คือ หนึ่ง ปรับลดกำลังพลชั้นยศสูง คือ พันเอก นาวาเอก นาวาอากาศเอก ขึ้นไป จนถึง พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก
สอง ปรับลดกำลังพลนายทหารสัญญาบัตร ประทวน และพลอาสาสมัคร

ตามแผนนั้น กำลังพล ปี 2563 237,624 นาย  ปี 2570 จะลดเหลือ 227,410 นาย  ลดลง 11,794 นาย ซึ่งจะประหยัดงบกำลังพลลงได้ 2,900 ล้านบาท

ทั้งนี้ แผนปรับลดกำลังพล 2 ระดับ 1.ปรับลดกำลังพลชั้นยศสูง ตั้งแต่ พันเอก นาวาเอก นาวาอากาศเอก จนถึง พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก โดยจะลดตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ, ผู้ทรงคุณวุฒิ ยศพลตรี-พลเอก ทุกเหล่าทัพ ตามแผนงานจะลดลงให้ได้ 50%จากเดิม 768 นาย เหลือ 384 นาย ขณะที่นายทหารชั้นยศนายพลเมืองไทยทุกเหล่าทัพ  มีทั้งสิ้น 1,514 นาย

2.ปรับลดกำลังพลนายทหารสัญญาบัตร ประทวน และ พลอาสาสมัคร โดยจะมีการนายทหารปฏิบัติการลดลง 50% จากเดิม 2,696 นาย เหลือ 1,349 นาย และจะยุติแผนการเสริมสร้างกองพลทหารราบที่ 7 และกองพลทหารม้าที่ 3 ของกองทัพบก ปรับลดกำลังทหารพรานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ลง 1,656 อัตรา ประหยัดงบได้ 600 ล้านบาท

สำหรับกำลังพลของกองทัพ ในปัจจุบันต้องการพลทหารปีละ 90,000 นาย จากเดิม ปีละ 100,000 คน มีผู้สมัครใจเข้าเป็นทหารปีละ 35,000 นาย 

แหล่งข่าวจากกองทัพไทย เปิดเผยว่า นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ถือเป็นพลเรือนคนแรกที่ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี มาทำหน้าที่เสนาบดีระดับ “เจ้าพระยาสมุหกลาโหม” ตามธรรมเนียบปฏิบัติปกติ จึงเป็นความท้าทายต่อการบริหารกองกำลัง แต่ถ้าเป็นคนที่รับฟังและเข้าใจงาน ก็ไม่น่าจะมีปัญหาในการบังคับบัญชา แต่หากเข้ามาเพื่อทำนโยบายทางการเมืองอย่างเดียว ไม่เข้าใจเรื่องระบบการทำงานในภาพรวม จะมีปัญหาต่อการบังคับบัญชาได้ 

อีกทั้งหากปล่อยให้มือทำงาน หรือ เชื่อถือผู้ช่วยรัฐมนตรีที่จะดึงมาทำงานตามรายชื่อที่เป็นข่าว อาจมีปัญหาต่อการบัญชาการได้เช่นกัน เพราะ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม นั้น เคยมีประสบการณ์ แนวทางการทำงานที่ท้าทาย และย้อนแย้งต่อยุทธศาสตร์การปฏิรูปกองทัพของผู้นำเหล่าทัพ 

จนในยุคหนึ่งมีการโยกย้ายปลดพ้นตำแหน่งในปี 2557 (เอกสารแนบ) ไปเป็นประธานคณะที่ปรึกษากระทรวงกลาโหมเป็นพิเศษเฉพาะราย ตามคำสั่งคสช.ที่ 77/2557 เมื่อวันที่ 27 มิถุยายน 2557 หลังดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมได้เพียง  7 เดือน (1 ตุลาคม  2556 –24 พฤษภาคม 2557)

              “ปฏิรูป-ลดกำลังพล-งบเหล่าทัพ“ 3 โจทย์ใหญ่ในมือ“บิ๊กสุทิน-พล.อ.นิพัทธ์”     “ปฏิรูป-ลดกำลังพล-งบเหล่าทัพ“ 3 โจทย์ใหญ่ในมือ“บิ๊กสุทิน-พล.อ.นิพัทธ์”    “ปฏิรูป-ลดกำลังพล-งบเหล่าทัพ“ 3 โจทย์ใหญ่ในมือ“บิ๊กสุทิน-พล.อ.นิพัทธ์”