ความเชื่อเรื่องของ “ฮวงจุ้ย” วิชาโหราศาสตร์จีน ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่ชาวบ้าน ผู้บริหาร ราชการ ยันไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง โดยเฉพาะเหล่าผู้นำประเทศ ที่ต้องเข้ามาทำงานใน “ทำเนียบรัฐบาล” ศูนย์กลางการบัญชาการของรัฐบาลไทย ต่างก็มีความเชื่อเรื่องของดวง เรื่องฮวงจุ้ย ผ่านการจัดห้องทำงาน ปรับภูมิทัศน์ เสริมดวงเสริมบารมีกันอยู่บ่อย ๆ
ยกตัวอย่างในอดีต เช่น สมัยรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีปรับภูมิทัศน์หลายครั้ง เช่น การปลูกดอกแก้ว ดอกไม้ โปรดของอดีตนายกฯ การย้ายศาลพระภูมิที่ตั้งอยู่บริเวณรั้วหน้าทำเนียบฯ กว่า 50 ปีออก แล้วย้ายไปไว้ข้างตึกสันติไมตรีหลังนอกแทน
หรือในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มีการปรับเปลี่ยนนำอ่างน้ำพุมาวางไว้หน้าห้องสีม่วงในตึกไทยคู่ฟ้า เอาต้นโมกและโกสนมาตั้งเรียงในตึก ติดหมุดสะท้อนแสงหน้าบันไดทางขึ้นตึก มีการนำรูปปั้นพระสังกัจจายน์และปี่เซียะตั้งบนหลังคาตึกไทยคู่ฟ้าตามความเชื่อแบบจีน
เช่นเดียวกับสมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีการปรับภูมิทัศน์หลายรอบ เช่น การปรับภูมิทัศน์ หรือการปลูกต้นไม้ใหม่ที่นำมาจากสวนนงนุช ปรับเปลี่ยนทางเข้านายกฯ จากเข้าด้านหน้าเป็นเข้าด้านข้าง
ต่อมาในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีการย้ายศาลพระภูมิประจำทำเนียบรัฐบาล จากบริเวณด้านหลังตึกสันติไมตรี มาอยู่บริเวณสนามหญ้าด้านข้างตึกไทยคู่ฟ้า หน้าห้องทำงานผู้สื่อข่าว พร้อม ๆ กับการปรับองศาของปืนใหญ่ ด้านหน้าสนามหญ้าตึกไทยคู่ฟ้า
จนมาถึงสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งดำรงตำแหน่งนานกว่า 9 ปี ก็ได้ปรับภูมิทัศน์ภายในทำเนียบรัฐบาล และห้องทำงานอยู่เรื่อย เพื่อเสริมดวง สร้างบารมี ฐานเศรษฐกิจ มีโอกาสคุยกับผู้อยู่เบื้องหลังที่คอยแนะนำเรื่อง “ฮวงจุ้ย” ให้กับนายกฯประยุทธ์ นั่นคือ ซินแสภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ซินแสรุ่นใหญ่คู่กายนายกฯ เล่าให้ฟังว่า
เรื่องของฮวงจุ้ยแท้จริงแล้วไม่ใช่เรื่องของการตกแต่งสวน เพิ่มอ่างบัว หรือปลูกต้นไม้ เพราะการแต่งสวนเป็นเรื่องของความสวยงาม และเหมาะสม และตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าในยุคของรัฐบาลนายกฯ “เศรษฐา ทวีสิน” จะให้ใครเข้ามาเป็นผู้ดูแลเรื่องฮวงจุ้ย เป็นการส่วนตัวให้หรือเปล่า
แต่ถ้าย้อนไปในสมัยรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ตั้งแต่แรกเริ่มเข้ารับตำแหน่งที่ทำเนียบรัฐบาล ยอมรับเลยว่า นายกฯประยุทธ์ ให้เข้าไปช่วยแนะนำฮวงจุ้ยที่ทำเนียบฯ ให้ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องของทิศทางการเข้าอาคารว่า ทิศไหนมีโชคลาภ ทิศไหนไม่ดี เพราะทุกทิศจะมีเรื่องของดวงกำหนดเอาไว้ทั้งหมด
ที่สำคัญไปกว่านั้น คือ “ห้องทำงาน” นับเป็นฐานบัญชาการสำคัญของคนในระดับผู้นำประเทศ ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปรับฮวงจุ้ยเพื่อหนุนให้เกิดการทำงานอย่างราบรื่น
อาจารย์ภาณุวัฒน์ ขอย้อนอดีตห้องทำงานของนายกฯ ไปตั้งแต่ยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เมื่อช่วงปี 2547 ยอมรับว่า ทิศทางดี แต่หลังจากนั้น คือตั้งแต่ปี 2547-2567 ฮวงจุ้ยมันเปลี่ยนยุค มาถึงยุคนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เรื่อยมาจนถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ไปนั่งจุดไม่ดี สุดท้ายเลยนั่งในตำแหน่งได้ไม่นาน และมีแต่เรื่องเข้ามาตลอด
“ได้มีโอกาสเข้าไปดูห้องทำงานของนายกฯ ประยุทธ์ และรู้ว่านายกฯคนเก่าเขานั่งอยู่ตรงไหน แล้วก็จัดมุมนั่งใหม่ให้อีกมุมเลย ซึ่งนายกฯ ประยุทธ์ก็อยู่มาได้ถึง 8-9 ปี”
อย่างที่บอกว่าโต๊ะทำงานมีผล นั่นคือ การจัดโต๊ะทำงานให้เป็นสัดส่วนที่ถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย คือ ตรงไหนเป็นโต๊ะทำงานหลัก โต๊ะทำงานรอง เพราะว่าในห้องนายกฯ จะมีห้องเล็ก ห้องกินข้าว ห้องพักผ่อนเล็ก ๆ อยู่มุมด้านใน ส่วนห้องทำงานหลัก จะมีทีมี ไว้มอนิเตอร์ข่าวสารตลอดเวลา
เมื่อปีเปลี่ยนไป โดยในปี 2567 “ฮวงจุ้ย” มีการเปลี่ยนยุค จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรับเปลี่ยนทิศทางการนั่งใหม่ ถ้าทิศทางดีก็ดึงโชคลาภให้ดีขึ้นตามมาด้วย ตัวอย่างเช่น ตึกภักดีบดินทร์ ซึ่งเป็นตึกใหม่ด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า ได้ทำทิศทางฮวงจุ้ยที่ดีในยุคนี้เอาไว้ แต่ยุคหน้าต้องเปลี่ยนไปอีกด้าน โดยที่ผ่านมาได้แนะนำให้ทำประตูสำรองเอาไว้แล้ว แต่ไม่รู้ว่า นายกฯเศรษฐา จะได้ใช้ประตูนั้นหรือไม่
“เรื่องของฮวงจุ้ยจะมีการเปลี่ยนยุคในปีหน้า คือ ปี 2567 แล้วจะเปลี่ยนอีกทีก็อีก 20 ปีเลย”
ทั้งนี้เมื่อมีนายกฯ ใหม่เข้ามา ดวงไม่เหมือนกัน การจะมานั่งทับที่เดิม ตามหลักแล้วคงไม่เหมาะ และจำเป็นต้องปรับใหม่หมด แล้วจากนั้นจะอยู่ยาวอีก 20 ปีเลย เพราะฮวงจุ้ย จะเปลี่ยนไปในทุก ๆ ช่วงเวลา 20 ปี
ซินแสภาณุวัฒน์ บอกหลักคิดว่า วงจุ้ยเปรียบเทียบคนกับบ้านเหมือนกัน คืออย่างแรกต้องดูหน้าบ้านหน้าร้านก่อนว่าเป็นอย่างไร น่าเข้าไหม ทิศทางดีไหม ตอนไปแนะนำให้นายกฯประยุทธ์ วางทิศทางดี ดึงสิ่งดี ๆ เข้ามาให้ แล้วปัญหาก็คลี่คลายไปเกือบทุกเรื่อง จุดนั่งทำงานดี ส่งเสริมความคิดดี มีช่องทางรับคลื่นที่ดี
อย่างต่อมาดูแขนขานั่นคือโต๊ะทำงาน ในการสั่งการลูกน้องและบริวาร ได้ดีดั่งใจ ทำอะไรก็ราบรื่น จากนั้นเมื่อหน้าบ้าน แขนขา ดี ต้องดูว่าสุขภาพว่าเจ็บป่วยขี้โรคไหม นั่นคือเรื่องของเงิน ทรัพย์สิน ต้องวางให้ถูกหลัก ถ้าเป็นบริษัทคือจุดที่เป็นแคชเชียร์ต้องอยู่ในมุมที่เหมาะสม ถ้าเป็นบ้านก็ต้องดูครัว ซิงค์น้ำ เตาไฟ เพื่อหนุนเรื่องของอาหารการกินที่ดี
ส่วนสุดท้าย คือ จุดนอน หาทิศทางให้ดี เพื่อให้มีที่พักผ่อน ตื่นมาแล้วสุขภาพดี แข็งแรง สดใส ถ้าเป็นสถานที่ทำงาน ต้องดูโต๊ะประชุมให้วางในจุดที่เหมาะสม ไม่ใช่ประชุมไปง่วงนอนไป หาวไป สั่งงานไปแล้วลูกน้องนั่งง่วง เพลีย ไม่เข้าใจ ทำให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพ
“ด้วยเหตุนี้หลักฮวงจุ้ยจริง ๆ จึงไม่ใช่การมาแขวนขลุย แขวนระฆัง ตั้งสัตว์ประหลาดเต็มบ้านเต็มห้อง พวกนี้เป็นการแต่งของ ขายของทั้งสิ้น แต่จุดที่สำคัญคือต้องจัดทิศทางให้เหมาะสมกับการทำงานเพียงแค่นั้น และที่ผ่านมาห้องทำงานของนายกฯ ประยุทธ์ ก็ไม่มีของเหล่านี้อยู่ในห้องเลย ไม่มีประโยชน์ ส่วนจะทำสีสันอะไรต่าง ๆ เป็นเรื่องของธาตุแต่ละบุคคล”
อย่างไรก็ตามข้อแนะนำมากมายที่บอกกับนายกฯ ประยุทธ์ไปนั้น บางอย่างทำเตรียมไว้ยุคหน้าก็มี บางอย่างถ้ารื้อไม่ได้ก็ต้องไปปรับการนั่งภายในห้องเพื่อรับทิศทางที่ดีแค่นั้น
ส่วนดวงนายกฯ “เศรษฐา ทวีสิน” ซินแสภาณุวัฒน์ วิเคราะห์หลักโหราศาสตร์ว่า นายกฯเศรษฐา เกิดปีขาล เดือนขาล เรียกว่า 2 เสือ วันวอก เป็นวันฉลาด ไม่อย่างนั้นไม่ทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จถึงขนาดนี้ แต่ถ้าในวงการเมือง การเมืองไม่ใช่บริษัท ไม่ใช้สั่งการลูกน้องได้ ก็อาจจะทำให้การสั่งงานอาจไม่ได้ดั่งใจมาก และที่ห่วงคือ เรื่องการทุจริต หรือทุจริตเชิงนโยบาย จับยาก นี่จึงเป็นหน้าที่นายกฯ ต้องหาทางอุดช่องว่างตรงนี้ให้ดี
“ตอนนี้นายกฯเศรษฐา อายุอยู่ในช่วง 61 ขึ้น 62 ถือว่าอายุดี ดวงดี เพียงแต่ว่าเดือนที่ผ่านมาเดือนวอกวุ่นวายหน่อย จะเห็นได้ว่ามีเรื่องแต่งตั้งนายกฯ และครม. ส่วนปีหน้า 2567 วิเคราะห์ว่า อาจจะมีเรื่องความวุ่นวายเกิดขึ้น ต้องมีเรื่องเข้ามาให้แก้ไขหลาย ๆ เรื่องประเดประดังเข้ามาในเชิงนโยบาย”
ส่วนทั้งหมดจะเป็นอย่างไร คงต้องติดตามกันต่ออย่ากระพริบตาเลยทีเดียว