ยกแรก“ธนาธร”ซีด ตุลาการผู้แถลงคดีสรุปถือครองที่ดินรุกป่าราชบุรีจริง

13 ก.ย. 2566 | 09:58 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ก.ย. 2566 | 10:05 น.

ศาลปกครองกลางนัดชี้ปม “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ฟ้อง มท. เพิกถอนที่ดินราชบุรี 27 ก.ย.นี้ ตุลาการผู้แถลงคดีเสนอองค์คณะ “ยกฟ้อง” เหตุผลสอบชี้ชัดรุกป่าจริง แถมคนใกล้ชิดรับรู้ที่ดิน น.ส.3 ก. อาจถูกเพิกถอนก่อนขายให้

วันนี้ (13 ก.ย. 66 ) องค์คณะตุลาการศาลปกครองกลางออกนั่งพิจารณาคดีครั้งแรกในคดีที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ยื่นฟ้อง กระทรวงมหาดไทย(มท.) กรมที่ดิน  อธิบดีกรมที่ดิน และปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-4 ขอให้เพิกถอนคำสั่งกรมที่ดินที่ 747/2565 ลงวันที่ 29 มี.ค. 65 ที่เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 158-159 ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ของตน 

วันนี้ ตุลาการเจ้าของสำนวนได้สรุปประเด็นในคดี และให้ตุลาการผู้แถลงคดี ซึ่งเป็นตุลาการนอกองค์คณะแถลงความเห็นส่วนตนเพื่อประกอบการพิจารณาขององค์คณะให้คู่กรณีทราบ  

โดยตุลาการผู้แถลงคดี เสนอความเห็นว่า ควรสั่งยกฟ้อง เนื่องจาก ก่อน รองอธิบดีกรมที่ดิน จะมีคำสั่งเพิกถอน น.ส. 3 ก. จำนวน 59 ฉบับ ซึ่งรวมถึงน.ส. 3 ก. แปลงเลขที่ 158-159 ของนายธนาธร ได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ประกอบด้วยผู้เกี่ยวข้อง และผู้เชี่ยวชาญ การตรวจสอบเป็นไปตามหลักวิชาการแล้ว พบว่า ตำแหน่งที่ดินตามหลักฐานน.ส. 3 ก.ทั้ง 59 ฉบับ 

รวมทั้งที่ดินที่พิพาทอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2512 ทั้งแปลง ที่ดินพิพาททั้งสองแปลง จึงมีสถานะเป็นป่าไม้ถาวรตามมติ ครม. มาก่อนที่จะออกน.ส.3 ก. เลขที่ 158-159 ให้กับ นายอุดม กิตติอุดมพานิช และ นายชัยณรงค์  บู่ศรี ที่เป็นเจ้าของที่ดินเดิมในปี 2521

 เมื่อที่ดินทั้ง 2 แปลงตั้งอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร จึงเป็นที่ดินต้องห้ามมิให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ คำสั่งของ รองอธิบดีกรมที่ดิน ที่เพิกถอนน.ส.3 ก.แปลงที่พิพาทจึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย 

ส่วนที่เจ้าหน้าที่ที่ดินออก น.ส. 3 ก.ที่ดินทั้งสองแปลงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะถือเป็นการทำละเมิดต่อนายธนาธร ผู้ซื้อที่ดินที่เชื่อโดยสุจริตว่าที่ดินดังกล่าวมีการออกน.ส. 3 ก. โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 4 อ้างว่าตรวจสอบในสารบบที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 159 ผู้รับมอบอำนาจจาก บริษัท ไร่อ้อยมิตรผล ซึ่งเป็น ผู้ขาย กับ นายสาโรจน์ วสุวานิช ผู้ซื้อต่างได้รับทราบว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ  อาจมีการเพิกถอนน.ส. 3 ก. ที่ดินบริเวณนี้ได้ 

โดยคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายได้รับทราบและลงชื่อในบันทึกถ้อยคำฉบับวันที่ 12 ก.ย. 28 ไว้ และ นายธนาธร ก็ไม่ได้โต้แย้งข้อมูลนี้ จึงฟังได้ว่า นายสาโรจน์ ขณะซื้อที่ดิน น.ส.3 ก.แปลงพิพาทจาก บริษัท ไร่อ้อยมิตร ผลรู้อยู่แล้วว่า ที่ดินอยู่เขตป่าสงวนแห่งชาติ อาจถูกเพิกถอน น.ส. 3 ก. และตามหลักการซื้อที่ดินแปลงใกล้เคียงที่มีการออกน.ส. 3 ก. วิญญูชนย่อมรู้ว่ามีโอกาสที่ที่ดินจะถูกเพิกถอน 

เมื่อ นายสาโรจน์ รู้ข้อมูลดังกล่าวแต่ยังซื้อที่ดิน เท่ากับ นายสาโรจน์สมัครใจ และยอมรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นเอง ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงไม่ถือว่า เป็นผลมาจากการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของเจ้าหน้าที่  

ต่อมา นายสาโรจน์ ได้ขายที่ดินให้ นายธนาธร แม้ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายธนาธร รับรู้ว่าที่ดิน น.ส.3 ก. ดังกล่าวอาจถูกเพิกถอนได้แต่ นายสาโรจน์ ทำงานมีตำแหน่งบริหารในกลุ่ม บริษัท ไทยซัมมิท ของครอบครัวนายธนาธร ซึ่งโดยปกติวิสัยของพนักงานบริษัทต้องไม่หลอกลวง ปกปิดข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญ ที่จะทำให้เกิดความเสียหายจาการซื้อที่ดินดังกล่าว

ได้ข้อเท็จจริงดังกล่าวทำให้ไม่น่าเชื่อว่า นายธนาธร จะซื้อที่ดินนี้มาโดยสุจริต ดังนั้น การที่ รองอธิบดีกรมที่ดิน มีคำสั่งเพิกถอนน.ส. 3 ก.แปลงที่พิพาท จึงไม่ถือเป็นการละเมิดต่อ นายธนาธร และหน่วยงานรัฐต้องชดใช้ค่าเสียหายให้ 

ทั้งนี้หลังนั่งพิจารณาคดีครั้งแรกแล้ว องค์คณะจะได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาคดี โดยองค์คณะได้นัดฟังคำพิพากษาคดีนี้ ในวันที่ 27 ก.ย. 66 เวลา 10.00 น.