18 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เร่งรัดติดตามความคืบหน้าคดีทุจริตและยักยอกทรัพย์ในชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด (คดีพิเศษที่ 56/2566) เนื่องจากเป็นคดีที่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและสมาชิกนิคมสหกรณ์จำนวนมากในวงกว้าง พร้อมทั้งเตรียมเสนอให้มีการจับมือแก้ไขปัญหาร่วมกันระหว่างกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามนโยบายของ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้สอบพยานบุคคล จนทราบข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องพอสมควรที่แจ้งข้อกล่าวหากับผู้เกี่ยวข้องได้ โดยพบพฤติการณ์การกระทำความผิดหลายกรรมหลายวาระ
1.กรณีการซื้อผลปาล์มสดจากสหกรณ์สมาชิกลดลง และซื้อจากสวนใหญ่/รายย่อย/ลานเทเอกชน/วิสาหกิจชุมชนอื่น เพิ่มขึ้นในปริมาณที่สูง
2.กรณีการขนส่งผลปาล์มสดมายังโรงงานของชุมนุมสหกรณ์ฯ มีการตั้ง “ค่าบริการจัดส่งปาล์ม” และพบว่ามีบุคคลซึ่งมีความสัมพันธ์กับผู้บริหารของชุมนุมสหกรณ์ฯ ในขณะนั้นได้รับค่าบริการจัดส่งปาล์มไปเป็นจำนวนมาก
3.กรณีการซื้อผลปาล์มคุณภาพต่ำกว่า 18% แต่มีการบวกราคาเพิ่มให้กับผู้ขายบางราย เพื่อให้เท่ากับผลปาล์มที่มีคุณภาพสูง
4.กรณีชุมนุมสหกรณ์ฯ ได้ทำสัญญาซื้อขายสินค้าเป็นเงินเชื่อ (น้ำมันปาล์มดิบ) กับบริษัท โอพีจีเทค จำกัด เป็นเงินจำนวน 386,741,541.80 บาท ต่อมาบริษัท โอพีจีเทค จำกัด ผิดนัดชำระหนี้ ทำให้ชุมนุมสหกรณ์ฯ ยังไม่ได้รับชำระหนี้แต่อย่างใด และยังไม่มีการเรียกร้องเป็นลายลักษณ์อักษรให้ธนาคารรับผิดชดใช้แทนตามภาระหนังสือค้ำประกัน และไม่ใช้สิทธิเรียกร้องภายใต้อายุความตามหนังสือค้ำประกัน ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของนายทะเบียนสหกรณ์ ทำให้เกิดความเสียหาย
5.กรณีการทำสัญญาขนย้ายน้ำมันปาล์มดิบของชุมนุมสหกรณ์ฯ ซึ่งชุมนุมสหกรณ์ฯ ได้ว่าจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัด ตรังวิรุณกิจขนส่ง เป็นผู้รับจ้างขนย้ายน้ำมันปาล์มดิบเพียงเจ้าเดียว ไม่เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง
6.กรณีการจำหน่ายทรัพย์สินของชุมนุมสหกรณ์ฯ โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มสาขาคลองท่อม ให้กับบริษัท กระบี่วิเศษน้ำมันปาล์ม จำกัด ซึ่งพบว่า เนื้อหาในสัญญาจะซื้อจะขายมีลักษณะที่ไม่เป็นธรรม ไม่รักษาผลประโยชน์ของชุมนุมสหกรณ์ และทำให้สหกรณ์เกิดความเสียหาย
นอกจากนี้ ในการสอบสวนยังมีประเด็นที่เกี่ยวพันกับการทุจริตของสหกรณ์อื่นอีก เช่น การนำที่ดินมิชอบด้วยกฎหมายมาขายให้กับชุมนุมสหกรณ์ฯ ซึ่งเมื่อช่วงวันที่ 13 – 19 กันยายน 2566 ที่ผ่านมาคณะพนักงานสืบสวนได้ลงพื้นที่สืบสวนและสอบพยานที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่นิคมสหกรณ์คลองท่อม เจ้าหน้าที่สหกรณ์จังหวัดกระบี่
ทั้งยังได้ขอคัดสำเนาโฉนดที่ดินที่สำนักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ สาขาคลองท่อม พบ เอกสารสิทธิมิชอบแล้ว 27 แปลงจากที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ร้องทุกข์ให้สืบสวนเอกสารสิทธิ์ที่ดินมิชอบ 313 แปลงซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษจะได้ประสานการปฏิบัติกับเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหากพบการกระทำความผิดจะได้รายงานอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาสั่งให้สอบสวนเป็นคดีพิเศษต่อไป