รองเลขานายกฯ แจงยิบ ปม "เช่าเหมาลำการบินไทย" 30 ล้าน ไปประชุม UN

19 ก.ย. 2566 | 09:40 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ก.ย. 2566 | 09:45 น.

รองเลขาฯ ยัน เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะเช่าเหมาลำการบินไทยประชุมสหรัฐ 30 ล้านบาทโปร่งใส เผย ทอ.เสนอราคาแพงกว่า พร้อมแจงปมบุตรสาวนายกฯ ร่วมคณะควักจ่ายเอง ไม่เกี่ยวภารกิจนายกฯ แค่ติดตามช่วยงานแม่

19 กันยายน 2566 นางสาวนัทรียา​ ทวีวงศ์​ รองเลขานายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร ชี้แจงกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและคณะเช่าเหมาลำเครื่องบิน เดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อร่วมการประชุมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 ว่า​ การเช่าเหมาลำในครั้งนี้ได้เปรียบเทียบปัจจัยหลายอย่าง โดยมี 2 ทางเลือก คือ ใช้เครื่องบินจากกองทัพอากาศ และการใช้บริการเช่าเหมาลำเครื่องบินพาณิชย์​ซึ่งสายการบินไทยเสนออยู่ที่ 25 ล้านแต่สาเหตุที่ขึ้นราคาเป็น 30 ล้านเนื่องจากมีการขยับตัวของราคาน้ำมัน

เมื่อเปรียบเทียบแล้วเครื่องบินของกองทัพอากาศที่เรียกว่า​ รุ่นแอร์บัส​ 350 เสนอราคาอยู่ที่ 32 ล้าน โดยยังไม่ได้รวมถึงค่าน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น มี First class  6 ที่นั่ง​ และ Business class 30 ที่นั่ง ซึ่งสามารถใช้งานได้จริงเพียง 15 ที่นั่งซึ่งหากรวมแล้วราคาค่าใช้จ่าอาจพุ่งสูงถึง 40 ล้าน

รองเลขานายกฯ แจงยิบ ปม \"เช่าเหมาลำการบินไทย\" 30 ล้าน ไปประชุม UN

แต่ปัจจัยสำคัญเมื่อเทียบราคากองทัพอากาศเสนอราคาสูงกว่าของการบินไทย​ และกองทัพอากาศไม่สามารถรับประกันได้ว่าเมื่อถึงเวลาการเดินทาง หากกองทัพอากาศติดภารกิจไม่สามารถให้บริการได้​ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาตามมา 

ส่วนสาเหตุที่เลือกการบินไทยเรื่องนอกจากราคาต่ำกว่ากองทัพอากาศแล้ว ยังเป็นการบินตรง กรุงเทพฯ- นิวยอร์ก และการบริการเป็นแบบที่ดำเนินการให้กับหน่วยงานราชการ ในเรื่องราคาก็เป็นไปตามจริง

ส่วนเรื่องค่าอาหาร​ บริษัทการบินไทยคิดอัตราราคาค่าอาหารตามผู้โดยสารปกติ ของเครื่องบินพาณิชย์ทั่วไป และต้องเข้าใจว่าอาหารที่เสริมบนเครื่องบิน ไม่ใช่อาหารที่รับประทานโดยทั่วไป ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบให้ถูกสุขลักษณะและปลอดภัย จึงมีราคาสูงกว่าอาหารทั่วไป ดังนั้นค่าอาหารที่เฉลี่ยราคาประมาณ 1.5 ล้าน กับผู้โดยสาร 50 คน เฉลี่ยรายละประมาณ 30,000 บาท​ ซึ่งเมื่อคิดไป-กลับจะตกหัวละประมาณ​ 3,000 บาท​ เป็นราคาปกติตามมาตรฐานที่ให้บริการ​ 

รองเลขานายกฯ แจงยิบ ปม \"เช่าเหมาลำการบินไทย\" 30 ล้าน ไปประชุม UN

ส่วนคณะที่เดินทางกับนายกรัฐมนตรีก็จะมี​ 2 ส่วน​ คือส่วนที่เป็นทางการ​ และส่วนที่ติดเครื่องมาเช่นบุตรสาวของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ออกค่าใช้จ่ายเอง ทั้งค่าเครื่องบินค่าอาหาร​ และค่าที่พัก ไม่ได้ใช้งบราชการแม้แต่บาทเดียวและสาเหตุ​ที่บุตรสาวของนายกรัฐมนตรีเดินทางมาด้วย ในฐานะที่เป็นผู้ติดตามคู่สมรสนายกรัฐมนตรี เพราะสหรัฐอเมริกาเชิญคู่สมรสมาด้วย และมีภารกิจ​ เช่น​ จะไปดูศูนย์บริการผู้สูงวัยของสหรัฐฯ​ และเยี่ยมชุมชนไทยในสหรัฐ​ฯ​  โดยบุตรสาวจะมาช่วยศึกษาและดูแล เนื่องจากไทยมีปัญหาในเรื่องการบริหารจัดการผู้สูงวัย แต่ไม่มีภารกิจใดๆที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของนายกรัฐมนตรี​

นางสาวนัทรียา​ ยืนยันว่า การเดินทางของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ไม่ได้มีภาคเอกชนเดินทางร่วมคณะบนเครื่องบินเช่าเหมาลำด้วยแต่มาเองตามคำเชิญของสหรัฐอเมริกา

นางสาวนัทรียา​ ยังกล่าวด้วยว่า​ ไทยเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ไทยเข้าร่วมในฐานะผู้นำที่สหรัฐเชิญ ซึ่งจะมีการใช้ระบบการรักษาความปลอดภัย Secret Service มาจากโฮมแลนด์ ซึ่งหากนายกรัฐมนตรีมาเครื่องบินพาณิชย์ที่มีผู้โดยสารอื่นร่วมอาจเกิดความไม่พอใจและเสียค่าชดใช้อย่างแน่นอน เพราะเครื่องที่มาจะต้องจอดตรงหลุมจอดกลาง Secret service Clear ทำให้ผู้โดยสารอื่นต้องรอ