คนเสื้อแดง-ทีมส.ส.เพื่อไทย ยื่นจี้ "เศรษฐา" เดินหน้าเงินดิจิทัล 10000 บาท

11 ต.ค. 2566 | 06:07 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ต.ค. 2566 | 06:22 น.

คนเสื้อแดง-ทีมงานนักการเมืองสายเพื่อไทย มาในนามกลุ่มหนุนเงินดิจิทัล ยื่นหนังสือจี้รัฐบาลเศรษฐาเดินหน้าแจกเงินดิจิทัล 10000 บาท ซัดนักวิชาการค้านเปรียบเป็นสากกะเบือ 

วันนี้ (11 ต.ค.66) นายจุติพงษ์ พุ่มมูล อดีตมวลชนคนเสื้อแดง นำมวลชนกลุ่มหนึ่งที่มีบางคนเป็นคณะทำงานของนักการเมืองสายพรรคเพื่อไทย เดินทางไปที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล ในนามกลุ่มผู้สนับสนุน นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000

เข้ายื่นหนังสือแสดงเจตนารมณ์และสนับสนุนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 ของรัฐบาล ภายหลังจากมีนักวิชาการและสมาชิกวุฒิสภาบางส่วน ออกมาคัดค้าน โดยมีนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง อดีตส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย มารับเรื่อง

นายจุติพงษ์ พุ่มมูล อ่านแถลงการณ์ว่า ตามที่กลุ่มนักวิชาการและผู้เห็นต่างทางการเมือง ออกมาคัดค้านนโยบายดังกล่าวนั้น แต่ทางกลุ่มเห็นว่านโยบายดังกล่าวเป็นการลดความเหลื่อมล้ำของสังคมในการสร้างโอกาสและต่อลมหายใจในการดำรงชีวิตของประชาชนและตลอดจนสร้างอาชีพ และทำให้กรุงไทยมีเกียรติมีศักดิ์ศรีลืมตาอ้าปากได้ จึงขอให้รัฐบาลเดินหน้าโครงการดังกล่าวเพื่อเป็นไปตามนโยบายที่หาเสียงและแถลงต่อรัฐสภา

คนเสื้อแดง-ทีมส.ส.เพื่อไทย ยื่นจี้ \"เศรษฐา\" เดินหน้าเงินดิจิทัล 10000 บาท

ส่วนการคัดค้านของฝ่ายนักวิชาการมี่ออกมานั้น มีอคติต่อรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตย โดยไม่เห็นหัวประชาชนคนยากจน จึงพยายามชี้ให้เห็นว่านโยบายดังกล่าวขัดต่อนโยบายการเงินการคลังหรือจะทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ โดยไม่มีความเข้าใจถึงเรื่องพายุหมุนทางเศรษฐกิจหรือดิจิตอลอีโคโนมิคส์ พร้อมมองว่าการคัดค้านกล่าวทำให้เห็นว่า คนรวยบางกลุ่มมองไม่เห็นหัวคนจนรากหญ้าซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ

แกนนำกลุ่มผู้สนับสนุนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต กล่าวอีกว่า ประเทศเสียโอกาสและเวลามามากพอแล้วกับความเห็นต่างที่ล้าหลัง ดั่งเช่นเหตุการณ์ในอดีต เรื่องรถไฟความเร็วสูงและการบริหารจัดการน้ำ จนทำให้ประเทศเดินช้ากว่าที่ควรจะเป็น ทั้งนี้ขอให้รัฐบาลดำเนินการทางกฎหมายกับผู้เห็นต่างที่มีพฤติกรรมยุยงปลุกปั่นที่ให้ไปถอนเงินจากธนาคาร ซึ่งเป็นข้อมูลเท็จทั้งสิ้น ผมขอให้ประชาชนที่เห็นด้วยแสดงความจำนงผ่านมายังช่องทางสื่อของรัฐบาลเพื่อเดินหน้าโครงการดังกล่าว

 

ขณะที่นายสมคิด ระบุว่า นโยบายดังกล่าวเมื่อมีหลายท่านแสดงความเห็นไม่ตรงกัน ทั้งสนับสนุนและคัดค้านนั้นรัฐบาลจึงยินดีที่จะนำความเห็นทุกกลุ่มไปศึกษาพูดคุยกัน โดยจะไม่มองว่ากลุ่มไหนรวยหรือจน แต่จะมองว่าเป็นความเห็นที่ตรงไปตรงมาหรือไม่ พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อ แต่จะมีการหาสิ่งที่ลงตัว เนื่องจากเท่าที่ตนได้สัมผัสทั้งพรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลเขาก็เห็นด้วย และก็มีบางส่วนไม่เห็นด้วยเหมือนกัน ฉะนั้นจะรับฟัง โดยช่วงเย็นวันนี้ต้นจะไปพูดคุยกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายจุลพันธ์อมรวิวัฒน์ ถึงประเด็นที่มีความเห็นต่างกันด้วย พร้อมย้ำว่ารัฐบาลจะฟังทุกเสียง 

ส่วนกรณีที่สมาชิกวุฒิสภาออกมาวิจารณ์นโยบายดังกล่าวด้วย นายสมคิด ระบุว่า สว. แต่ละกลุ่มก็มีความคิดของตัวเอง ซึ่งตนมองว่าไม่ได้ผิดอะไร แต่เราจะรวบรวมความคิดเห็นไปพิจารณาด้วย รวมถึงชี้แจงกับ สว. พร้อมเสนอว่า สว.สามารถตั้งกระทู้สดถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ และตนพร้อมประสานงานให้

ส่วนกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติพร้อมจับตานโยบายดังกล่าวนั้น นายสมคิด ระบุว่า เห็นแต่ข่าวยังไม่ได้ติดตามรายละเอียด จึงไม่แน่ใจว่าจะจับตาเรื่องอะไร เพราะนโยบายดังกล่าวเราได้ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ตอนเลือกตั้งไปแล้ว จึงคิดว่าเราไม่น่าจะผิดอะไรหรอก และคิดว่า ป.ป.ช.ไม่ได้ติดตามแต่ประเด็นดังกล่าว

เมื่อถามว่าคนที่ออกมาค้านมองว่าเป็นเรื่องของการเมืองหรือไม่เพราะเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย นายสมคิด ระบุว่า ตนไม่อยากพูดชื่อบางท่านก็คิดอคติเกินไป แต่บางท่านก็ติติงในเชิงหลักการ แต่บางคนใส่ความคิดส่วนตัวอคติเกินไปหน่อย ฉะนั้นขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลเศรษฐาในฐานะพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศชาติให้เดินหน้าฟื้นขึ้นได้ พร้อมระบุว่า ไม่อยากพูดว่ารัฐบาลที่แล้วก็ทำเหมือนกัน เพียงแต่ว่ามันยังไม่ฟื้น และมันกระปริดกระปรอยเพียงแค่ 300-500 ต่อเดือน แต่รัฐบาลนี้โยนไปทีเดียว 6 เดือน พร้อมระบุว่า ส่วนพื้นที่การใช้ส่วนตัวมองว่าควรกำหนดรัศมีเป็นอำเภอ เพราะจังหวัดมันกว้างเกินไป

เมื่อถามถึงกระแสเรียกร้องที่แจกเฉพาะกลุ่ม นายสมคิด ระบุว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการศึกษาว่าจะคัดกลุ่มคนจนและคนรวยอย่างไร แต่โดยส่วนตัวคิดว่า ควรมอบให้ทุกคน เพราะถ้าคนรวยไม่ใช้ก็ไม่เป็นไร เพราะถือเป็นสิทธิ์ เพราะถ้าไม่ใช้ก็จะต้องคืนภายใน 6 เดือนโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว เพราะหากจะไปดูฐานเรื่องใครรวยใครจนมันยาก เนื่องจากแนวคิดง่ายแต่การปฏิบัติยาก

อย่างไรก็ตามกลุ่มผู้สนับสนุนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ได้แสดงออกเชิงสัญลักษณ์โดยการถือสากกระเบือ พร้อมเปรียบเทียบนักวิชาการที่ค้านโครงการ ว่า เป็นนักวิชาการสากกะเบือ