เย็นวันนี้ (18 ธ.ค.66) 2 บก.เครือเนชั่น ประกอบด้วย นายสมชาย มีเสน และ นายวีระศักดิ์ พงษ์อักษร ได้วิเคราะห์ในรายการเนชั่นอินไซด์ ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 จับตา 2 คดีสำคัญ ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในกรณีถือหุ้นสื่อไอทีวี และ กรณี นายพิธา ขณะดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ พรรคก้าวไกล หาเสียงเลือกตั้งด้วยการชูประเด็นยกเลิก ม.112
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคและอดีตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล แม้ในวันนี้ถูกคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. และยังต้องเผชิญกับผลพวงคดีในอดีต อย่างน้อย 2 คดี
นายพิธา ถูกร้อง ถือครองหุ้นสื่อ บริษัท ไอทีวี ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ หรือ สื่อสารมวลชนใด อยู่ในวันที่สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ เป็นเหตุให้สมาชิกภาพส.ส.ของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนพยานต่อ ในวันที่ 20 ธ.ค. 2566 นี้
อีกคดีคือ พรรคก้าวไกล ถูกร้องเสนอร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ..เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา ม.112 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่
ศาลได้นัดไต่สวนพนายวันที่ 25 ธ.ค. 66 นี้
ทั้ง 2 บก. ได้ร่วมกันวิเคราะห์ถึงเรื่องดังกล่าว จะส่งผลต่อพรรคก้าวไกล และทิศทางการเมืองไทยอย่างไร
ทั้ง 2 คดีของ นายพิธา และ พรรคก้าวไกล น่าจะตัดสินหลังคดี นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรมว.คมนาคม คือ หลังวันที่ 17 ม.ค. 2567 ไปแล้ว
ประเด็นการถือครองหุ้นมรดกของ นายพิธา ศาลจะดูจากเอกสาร ไม่รู้ว่า ในใบหุ้นได้วงเล็บไว้หรือไม่ว่า นายพิธา เป็นผู้จัดการมรดก แต่ถึงจะโอนให้น้องได้ ต้องนำมาแจ้งศาล
การถือครองหุ้นไอทีวี ยังเป็นสื่อหรือไม่ คนที่อธิบายมีส่วนสำคัญทางคดีคือ นายคิมห์ สิริทวีชัย ประธานไอทีวี ศาลคงจะถามว่า ไอทีวี ยังทำสื่อหรือไม่
แม้ก่อนหน้า สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เคยสั่งให้ ไอทีวี ยุติการออกอากาศ แต่ต่อมาไอทีวี ไปฟ้องร้องว่า คำสั่งนี้ขัดต่อคำสั่งทางปกครองหรือไม่ เพราะ ไอทีวี ไม่ได้เลิกกิจการ เพียงแค่ พักกิจการเท่านั้น
หาก นายพิธา ไม่ผิด นายชัยธวัช ตุลาธน อาจจะลาออกจากหัวหน้าพรรค และให้ นายพิธา ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้งก็เป็นได้
กรณีนี้ต้องไปดูว่า ถ้าไอทีวีบอกว่า ตั้งใจทำสื่อต่อ จะเป็นอย่างไร หัวใจสำคัญคือ วันที่นายพิธา สมัครส.ส.พรรคก้าวไกล ไอทีวียังทำสื่อหรือไม่
เรื่องนี้ แม้นายพิธา บอกว่า มั่นใจ 100% พร้อมจะชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนการเป็นผู้จัดการมรดก ก็มีหลักฐานที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหน พร้อมจะไปเปิดเผยต่อศาล ซึ่งคดีถือหุ้นสื่อ นายพิธา ถ้าดูจากข้อมูล ได้ลุ้นเยอะว่า จะรอดหรือไม่รอด
2 บก.เครือเนชั่น ยังวิเคราะห์คดีแก้ ม.112 ว่า กรณีนี้ที่จะนำไปสู่การยุบพรรคก้าวไกล แทบไม่ต้องลุ้น
โดยคดีพรรคก้าวไกล เสนอแก้ประมวลกฎหมายอาญา ม.112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ หรือไม่ วันที่ 25 ธ.ค.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญ จะไต่สวนพยาน 6 ปาก
มีการมองเหตุผลสำคัญ อาจไม่ยุบพรรค เนื่องจากในคำร้อง ไม่ได้ขอให้ยุบพรรค ขอเพียงว่าให้หยุดการกระทำเท่านั้น ไม่ได้บอกให้ยุบพรรค ศาลหากวินิจฉัย ก็วินิจฉัยตามคำร้องเท่านั้น
“ถ้าผิดก็บอกให้หยุดการกระทำเท่านั้น แต่ถ้าไม่ผิด พรรคก้าวไกล หรือ พรรคอื่น ก็นำเรื่อง ม.112 ไปหาเสียงได้ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 211 วรรคสี่ ที่ระบุ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ผูกพันทุกองค์กร ทั้งนี้ ในกรณีนี้ถ้าไม่ผิด ก็จบเลย ทุกพรรคก็นำไปหาเสียงได้" 2 บก.วิเคราะห์