หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินัจฉัย ให้ "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" พ้นความเป็นรัฐมนตรี จากคดีซุกหุ้นหจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น
กูรูการเมืองส่องสปอตไลท์กลับมาที่ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล ในฐานะหัวบวนที่นำ 54 สส. ฝ่ายค้าน ยื่นเรื่องผ่าน นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในขณะนั้นไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้ตรวจสอบคุณสมบัติของนายศักดิ์สยาม
นับเป็นชัยชนะของก้าวไกล ผู้นำฝ่ายค้านในยุคนี้ ที่ปลายทางของคำร้องไปถึงฝั่ง เป็นไปตามข้อมูลพยานหลักฐานที่มีอยู่ในมือ
แน่นอนว่าสังคมยังคงจับตาต่อไปว่า หลังจากนี้ก้าวไกลจะจัดหนักต่อไปหรือไม่
"ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล" สส.พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นผู้ยื่นร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีๆของนายศักดิ์สยาม กล่าวภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่านายศักดิ์สยามมีผิดจริง ว่า ในขณะที่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ฝ่ายค้านขณะนั้นก็ได้มีการยื่นสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ด้วย ซึ่งเรื่องก็ยังค้างอยู่ ดังนั้นจึงคิดว่า ป.ป.ช.ควรเร่งรัด โดยการเปิดการไต่สวนต่อไป
ส่วนการยื่นตรวจสอบจริยธรรม หรือยื่นยุบพรรค ปกรณ์วุฒิยืนยันว่า โดยจุดยืนของพรรคก้าวไกล เราเชื่อว่าไม่ควรมีองค์กรใดองค์กรหนึ่งมาตัดสินอนาคตทางการเมืองของใคร อำนาจนั้นควรเป็นของประชาชนพรรคการเมืองจะดำรงอยู่หรือไม่ดำรงอยู่ขึ้นอยู่กับประชาชน
"เราไม่จำเป็นต้องทำในสิ่งที่คนอื่นทำ ซึ่งหลักการนี้เป็นเรื่องสำคัญ" ปกรณ์วุฒิ กล่าว
ด้าน "ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลและผู้นำฝ่ายค้าน " กล่าวว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลก็กลายยืนยันว่า แม้เราทำงานในฐานะผู้ตรวจสอบ แต่เรื่องการยุบพรรคไม่ใช่นโยบายของพรรคก้าวไกล ซึ่งย้ำว่าคดีนี้ยังมีเรื่องต่อเนื่องอีกในขั้นตอนการไต่สวน
ชัยธวัช ย้ำในตอนท้ายเป็นนัยสำคัญว่า "นอกจากเรื่องยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ ยังมีการเอาบริษัทตัวเองมาเป็นคู่สัญญา ซึ่งประเด็นไม่ได้อยู่ที่ยุบพรรคการเมืองเพียงอย่างเดียว"