นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ "เจ๋ง ดอกจิก" พร้อมด้วย นางสาวพิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ หรือ การ์ตูน อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดแถลงชี้แจงกรณีที่ตกเป็นผู้ต้องหาฐานร่วมกันเป็นเจ้าหน้าที่รัฐและสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับผลประโยชน์
จากกรณีที่ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.)พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขยายผลการจับกุมมาจาก ศรีสุวรรณ จรรยา ปมเรียกรับเงิน นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว จำนวน 3 ล้านบาท
โดยในการแถลงข่าวนายยศวริศ ได้ยกพานธูปเทียนและกล่าว สาบานว่าเรื่องทั้งหมดที่มีการกล่าวหาว่าผมเป็นเจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบ เรียกทรัพย์เพื่อประโยชน์ตนเองและผู้อื่น ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ หากพิสูจน์ความจริงแล้วใครก็ตามที่กล่าวหาผมที่พิพากษาผมขอให้ได้รับผลไม่ดีขอให้ชีวิตไม่มีความสุขขอให้ต้อง รับผลจากการกระทำของตนเอง"
นายยศวริศ กล่าวว่า ได้รับความเสื่อมเสียและตัวของการ์ตูนแทบไม่มีที่ยืนในสังคม "ขอยืนยันว่าไม่ได้ถูกจับ แต่เป็นการติดต่อขอมอบตัว ที่สถานีตำรวจนครบาล(สน.)ดุสิต ทราบมาว่ามีหมายจับจึงประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มารับตัวไป โทรศัพท์ส่วนตัวถูกยึดไปตั้งแต่วันแรก ซึ่งตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ได้พยายามนั่งนึกทบทวนทุกเรื่องราวเพื่อมาเล่าให้ฟัง"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นเจ๋งดอกจิก ได้แถลงเล่าเหตุการณ์เป็นไทม์ไลน์ที่เกิดขึ้น ดังนี้
วันที่ 18 ธันวาคม 2566
นายศรีสุวรรณกับตนเจอข้อพิรุธในกรมฝนหลวงเกี่ยวกับข้อทุจริต เมื่อเจอข้อพิรุธจึงนัดหมายกันเพื่อไปร้องที่กรรมาธิการสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 20 ธันวาคม 2566 เมื่อยื่นข้อร้องเรียนเสร็จสิ้น จึงมีการแถลงข่าวและโปรยเรื่องข้อทุจริตกรมการข้าว
วันที่ 20 ธันวาคม 2566
นายยศวริศ เล่าว่าตัวเขากับนายศรีสุวรรณมีข้อมูลตรงกันเรื่องกรมการข้าวที่มีการทุจริตมหาศาล และในเย็นวันนั้นเพื่อนของตน ที่อยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดงก็มีการโทรศัพท์มาพูดคุยทำนองว่าอย่าไปยุ่งคนนี้ อธิบดีกรมนี้เปรียบเหมือนน้องชายโดยคนนี้เป็นคนเสื้อแดงเหมือนกัน เมื่อเห็นว่าเป็นพรรคพวกในคืนวันที่ 20 ธ.ค. ก็รีบโทรไปหาอธิบดีกรมการข้าว จากนั้นเวลา 23.00 น. อธิบดีกรมการข้าวโทรกลับมาแต่ไม่ได้รับสาย
วันที่ 21 ธันวาคม 2566
นายยศวริศ เล่าอีกว่าได้มาคุยกับอธิบดีกรมการข้าวอีกครั้งในเช้าวันที่ 21 ธันวาคม โดยทางอธิบดีกรมการข้าวเป็นผู้เอ่ยขอนัดหมายกินกาแฟกัน ที่โรงแรมมารวย แต่ระหว่างทางที่กำลังจะไปโรงแรม ก็ขอเปลี่ยนสถานที่ป็นที่กรมการข้าว ทั้งนี้กรมอธิบดีพยายามโทรตามตนหลายรอบ
จากนั้นเมื่อไปถึง ก็ได้โทรศัพท์หาเพื่อนที่ฝากฝังมาตั้งแต่แรกว่าได้เจออธิบดีกรมการข้าวแล้ว เพื่อนคนนั้นย้ำว่าขอให้ช่วยน้องเขา น้องเขาเป็นคนดี น้องเขาไม่มีปัญหา จากนั้นเจ๋ง ดอกจิกก็ขึ้นไปที่ห้องทำงานเจอกับภรรยาอธิบดีรออยู่แล้วด้วย
"ผมจึงยืนยันว่าที่มาวันนี้มาเพื่อช่วย ทางอธิบดีแสดงตัวว่าตัวเขาเป็นคนเสื้อแดงช่วยคนเสื้อแดงมาตลอด ขอยืนยันว่าไม่มีข้อกังขาใดๆพร้อมขอบคุณที่ผมมาช่วย จึงแนะนำให้จากนี้ไปอธิบดีกรมการข้าวประสานกับเลขาที่ชื่อการ์ตูนซึ่งเป็นผู้ติดตาม เมื่อจบการสนทนา ผมก็ลากลับอธิบดีและภรรยาก็ลงไปส่งผมที่รถพร้อมกับกราบสวัสดีอีกครั้งและย้ำว่าขอให้ช่วย" เจ๋ง ดอกจิก กล่าว
ส่วนกรณีที่ภรรยาอธิบดีไปติดต่อกับนายศรีสุวรรณที่บ้านไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร เป็นเพียงผู้ประสานเพียงเท่านี้ ขอยืนยันว่าเข้าไปช่วยไม่ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในแก๊งปลดทรัพย์
"ไม่คิดเลยว่าในกรมการข้าวจะมีงูเห่า ผมเป็นชาวนาไม่ใช่แก๊งต้องตกทรัพย์ ถ้ามีการร้องเรียนก็ต้องมีการสอบสวน ถ้าคนเราไม่ผิดหรือไม่มีแผล จะมาเคลียร์ปัญหา มาเจรจาทำไม ส่วนผมไม่รู้หรอกว่าผิดหรือถูก ผมถ้าพบพิรุธก็มีหน้าที่เตรียมร้องเรียนตาม ซึ่งที่ผ่านมาผมกับศรีสุวรรณ ร้องเรียนมาหลายกรณีส่วนมากเป็นการร้องเรียนการทุจริตองค์กรเช่นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ"
นายยศวริศ กล่าวด้วยว่า ผ่านมาไม่เคยเจัดการปัญหากับใครมาก่อนและจากกรณีนี้ไม่ได้เงินสักบาทเดียว วันนี้ตัวของการ์ตูนกำลังมีอนาคตที่ดี กำลังมีแนวทางในสังคม เขาต้องร้องไห้เสียใจทุกวันเขาผิดตรงไหนเขาไปเป็นแก๊งตบทรัพย์เมื่อไหร่ เขามีหน้าที่แค่ไปประสานงาน ระหว่างผู้ร้องเรียนกับผู้ถูกร้อง
นาย ยศวริศ กล่าวว่า ส่วนบุคคลใด สื่อใดที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ตนกำลังให้ทนายความรวบรวมทุกกรณี ขอให้เตรียมรับหมายศาลกันให้ดี แม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐเองก็เหมือนกันที่กล่าวหาเกินเหตุเกินควร ออกมาชี้แจงรายวันว่าจับตัวการใหญ่ตนก็จะใช้กระบวนการยุติธรรมจัดการ ทุกนายไม่เว้น เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องเสียหายสำหรับตนมาก ซึ่งจะผิดหรือไม่ผิดใช่หรือไม่ใช่ กระบวนการทางศาลจะมีหน้าที่พิพากษา ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐมาพูดจนประชาชนคนไทยทั้งประเทศมาพิพากษาตนเรียบร้อยแล้ว