“นายกฯเศรษฐา”เคาะ 15 ก.พ. นัดประชุมบอร์ดชุดใหญ่ลุย“แจกเงินดิจิทัล”

09 ก.พ. 2567 | 08:05 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ก.พ. 2567 | 08:37 น.

“จุลพันธ์”เผย“นายกฯเศรษฐา”นัดประชุม“บอร์ดดิจิทัลวอลเล็ต” 15 ก.พ.นี้ นำข้อห่วงใย ป.ป.ช.หารือ เตรียมตั้งอนุกรรมการตรวจสอบทุจริต-รับฟังความเห็นสังคม

วันนี้(9 ก.พ. 67) ที่รัฐสภา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่ง 8 ความเห็นเรื่องนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตให้กับรัฐบาลแล้วว่า ยังไม่มีเอกสารส่งถึงอย่างเป็นทางการ 

แต่ได้เห็นแล้วในรายละเอียดมีข้อห่วงใยบางประการ เช่น เรื่องขอบเขต กรอบอำนาจพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป.ป.ช. ตามมาตรา 32 ได้พูดถึงการที่สามารถให้ ป.ป.ช. สามารถทำข้อเสนอแนะเรื่องนโยบายได้ แต่เป็นเรื่องของการป้องกันทุจริต แต่เรื่องนี้เป็นการท้วงติงในลักษณะที่บางข้อเป็นอำนาจ ขอบเขตของรัฐบาล 

“เห็นเอกสารตามสื่อแต่ยังไม่มีอย่างเป็นทางการ หากเป็นเช่นนั้นจริง เราคงจะนำเข้าไปในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายในครั้งหน้า นายกรัฐมนตรีได้ระบุวันมาแล้ว หากไม่มีการเปลี่ยนแปลง คือ วันที่ 15 ก.พ.”

นายจุลพันธ์ ย้ำว่า กรอบงานยังเหมือนเดิม และเดินหน้าโครงการต่อไป โดยจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อตรวจสอบการทุจริต รับฟังความเห็นในสังคม รวมถึงการเชื่อมต่อกับระบบการเงินอื่นๆ เพื่อให้ตัวระบบมีความครอบคลุมมากขึ้น 

“หากเอกสารของป.ป.ช. เข้ามาทัน คงนำเข้ามาหารือในที่ประชุมด้วยเช่นกัน เพราะบางประเด็นอาจเป็นความไม่เข้าใจของป.ป.ช.ในเบื้องต้น หรืออาจจะได้ข้อมูลไม่ครบถ้วน แต่เราก็ชี้แจงได้ เช่น เรื่องกลไกเปลี่ยนเป็นการกู้ เรื่องบล็อกเชน ที่ตอบง่ายมาก ซึ่งเป็นความเข้าใจที่แตกต่าง แต่สามารถชี้แจงได้ ส่วนเรื่องใดที่ต้องทำความเข้าใจเพิ่มเติมเราจะหาหนทางชี้แจง ทำความเข้าใจต่อไป

เมื่อถามถึงกรณีที่ความเห็นของ ป.ป.ช.  มีเรื่องของรายละเอียดนโยบายที่ไม่เหมือนกับเมื่อหาเสียง อาจจะเข้าข่ายสัญญาว่าจะให้ ขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดูในเรื่องนี้มีความกังวลหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ต้องเรียนว่านโยบายในอดีตที่ผ่านมา รัฐบาลชุดก่อนหน้าแทบไม่มีเลย ตนก็ท้วงติง และอย่างน้อยเราทำตามที่เราบอกไว้ ถึงแม้รูปแบบจะเปลี่ยน หากไปอ้างถึงนโยบายของพรรคการเมือง ต้องเรียนว่าตอนที่ทำนโยบายทุกนโยบายเมื่อเขียนส่งต่อกกต.จะมีการกำหนดว่า ขึ้นกับสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคม 

เพราะเมื่อความเหมะสมเปลี่ยนไปเรามีความจำเป็นต้องเปลี่ยน และนี่ไม่ใช่นโยบายของพรรคการเมือง เป็นนโยบายของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลประกอบขึ้นจากพรรคการเมืองหลายพรรค เมื่อมีการหารือตกลงกันแล้ว มีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม เราจะยึดเอานโยบายพรรคใดพรรคหนึ่งทั้งหมดเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ต้องผสมผสานกันทั้งหมดเพื่อหาความลงตัวที่สุดและเดินหน้าได้      

เมื่อถามว่ากลุ่มเป้าหมายยังเป็นกลุ่มเดิมหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยังคงเป็นกลุ่มเดิม ยังไม่เปลี่ยนแปลง โดยนโยบายนี้ที่ป.ป.ช.ตั้งข้อเสนอแนะในข้อท้ายๆ ดูเหมือนจะนำเสนอว่า ให้กลับไปใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งในขณะนี้เปลี่ยนรัฐบาลแล้ว เราเห็นชัดเจนว่ากลไกของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาในการกระตุ้น ฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ เป็นเพียงการหยอดน้ำข้าวต้ม เราจึงต้องมีกลไกในการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ออกมา ฉะนั้นแนวคิดในการทำนโยบายแน่นอนว่าเป็นของรัฐบาลเพราะรัฐบาลมีความรับผิดชอบต่อประชาชน

ส่วนเงินดิจิทัลวอลเล็ตจะได้ใช้เร็วที่สุดเมื่อไร นายจุลพันธ์ กล่าวว่า “ขออนุญาตไม่ตอบตรงนี้ เพราะถ้าบอกไปแล้ว เดี๋ยวจะเป็นการกะเกณฑ์แล้วไม่ถูกต้องจะไม่เป็นผลดี”
เมื่อถามว่าในวันที่ 15 ก.พ. ที่มีการประชุมจะเป็นจุดชี้วัดว่าจะเดินหน้าโครงการต่อไปหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเราชัดเจนว่าเราจะเดินหน้า ส่วนกรอบเวลารอให้สะเด็ดน้ำก่อน ให้ฝุ่นหายตลบก่อนแล้วจะเห็นชัดขึ้น