กรณีการเดินทางกลับไทยของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ไม่ได้นอนเรือนจำแม้แต่คืนเดียว โดยเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจจนถึงวันได้รับการพักโทษ กลับบ้านจันทร์ส่องหล้ายังคงถูกตั้งคำถาม และวิพากษ์วจารณ์ไม่ทันซา
หลังจากวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายกฟ้องคดีการจัดจ้างโครงการ Roadshow สร้างอนาคตประเทศไทย Thailand 2022 วงเงิน 239,700,000 บาท และมีคำสั่งให้เพิกถอนหมายจับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ได้นำมาซึ่งการจับตามองถึงการเดินทางกลับประเทศไทย ของอดีตนายกฯหญิง รวมถึงฉากทัศน์ทางการเมืองต่อจากนี้
รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย ฉายภาพทางการเมืองต่อจากนี้กับฐานเศรษฐกิจว่า จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)หลังจากเดือนพฤษภาคมไปแล้ว ซึ่งจะมีลักษณะปรับเล็ก เป็นการซ่อม 2 เก้าอี้ที่ยังคงว่างอยู่ และจะยังไม่มีการเปลี่ยนโครงสร้างพรรคร่วมรัฐบาล
ส่วนปมขัดแย้งเรื่องพื้นที่ ส.ป.ก. และกรมอุทยานฯ เป็นอีกหนึ่งจุดอ่อนที่ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ และพล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม จำเป็นต้องเร่งอย่าศึก ไม่เช่นนั้นจะถูกพรรคสีส้ม หยิบยกไปใช้อภิปรายได้ แล้วหากตอบคำถามกันไปคนละทิศคนละทาง ยิ่งจะทำให้สังคมส่งแรงกดดันไปยังรัฐบาล
แรงกดดันนี้จะส่งผลให้นายกฯ ปรับออกจากเก้าอี้รัฐมนตรีได้ ซึ่งจะกลายเป็นจังหวะดีที่พรรคเพื่อไทยจะได้สลัดพรรคพลังประชารัฐออกจากการร่วมรัฐบาล ตามวลีที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ใช้หาเสียงว่าให้ดูหน้าของตนไว้ ว่าไม่มีทางจับมือกับผู้ทำรัฐประหาร ซึ่งหากพรรคพลังประชารัฐถูกเขี่ยออกไป พรรคประชาธิปัตย์ก็จะเข้ามาแทน ซึ่งพรรคพลังประชารัฐรู้ทันแผนนี้ จึงได้รีบหาข้อยุติร่วมกัน ที่ดูเหมือนจบ แต่แท้จริงแล้วยังไม่จบ
ส่วนรัฐมนตรีที่เก้าอี้เหนียวที่สุด คือนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพราะเหล่าทัพแฮปปี้มาก อีก 1 เก้าอี้คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่จะยังคงเป็นนายเศรษฐาอยู่เช่นเดิม เนื่องจากมีความจำเป็นในการขับเคลื่อนนโยบายทางเศรษฐกิจ และการดำเนินโครงการแจกเงินดิจิทัล จึงทำให้นายเศรษฐา จำเป็นต้องเก้าอี้ รมว.คลัง เพื่อสร้างชื่อเสียงจากนโยบายนี้ รวมถึงนโยบายอื่นๆของพรรคเพื่อไทยที่ต้องได้รับการสนับสนุนจาก รมต.คลัง อีกทั้งยังต้องเป็นผู้สรรหา และเสนอ ครม. ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยอีก ประมาณ 1ปีครึ่ง
อ.ธนพร กล่าวว่า ไม่ว่าจะสลับพรรคการเมืองใดเข้ามาร่วมรัฐบาล โครงสร้างทางการเมืองก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจาก หากพรรคพลังประชารัฐไปเป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรคก้าวไกล ก็จะไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ เปรียบเหมือนปลาคนละน้ำ ดังนั้นรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจึงมีความแข็งแกร่ง ส่งผลดีต่อการเดินทางกลับประเทศไทยของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
มองในอีกมุมหนึ่ง การที่นางสาวยิ่งลักษณ์ได้เดินทางกลับประเทศไทย อาจเป็นการเพิ่มคะแนนความสงสาร และไม่ใช่ว่าจะไม่มีทีเด็ดอะไรเลยแม้การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาจะแพ้พรรคก้าวไกลแต่ก็เพียงแค่ 10 เสียงเท่านั้น ซึ่งยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยต่อจากนี้คือการเป็นที่หนึ่งในผู้แพ้ ในขณะที่พรรคก้าวไกลจำเป็นต้องได้คะแนนเกิน 250 จึงจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
อ.ธนพร มองสถานะของพรรคก้าวไกลว่า ต้องถูกยุบพรรคอย่างแน่นอน แต่ไม่มีผลกระทบกับคะแนนนิยมของพรรคแต่อย่างใด เพราะการปักธงทางความคิดของพรรคก้าวไกลทำให้ฐานเสียงได้ก้าวข้ามเรื่องของชื่อพรรคการเมือง หรือตัวบุคคลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และแม้ระดับนำของพรรคจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง แต่ก็ยังมีบุคลากรของพรรคที่มีความสามารถอีกหลายคนที่พร้อมขึ้นมาเป็นแกนนำ เช่น นายเดชรัตน์ สุขกำเนิด ,นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร เป็นต้น
การเลือกตั้งส.ว. ที่จะเกิดขึ้นก่อนนั้น จะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของการปักธงทางความคิดของพรรคก้าวไกล เพราะหากพรรคก้าวไกลปักธงทางความคิดสำเร็จ จะทำให้ได้ส.ว. ที่มีชุดความคิดเดียวกันกับพรรคก้าวไกลเข้ามาทำหน้าที่