นายกฯ แย้มมีโอกาสพบ"ทักษิณ"ที่เชียงใหม่ ไม่ห่วงฝ่ายค้านยกมาอภิปรายฯ
"เศรษฐา" แย้มมีโอกาสพบ "ทักษิณ" ที่เชียงใหม่ เผยเคยเจอกันแล้วครั้งหนึ่ง จะเจอกันอีกก็คงไม่เป็นไร แต่ยังไม่ได้มีการนัดหมาย ไม่ห่วงหากฝ่ายค้านจะหยิบยกมาเป็นประเด็นอภิปรายไม่ไว้วางใจ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึง ภารกิจการลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 15-17 มี.ค.นี้ ว่า จะไปติดตามเรื่องสถานการณ์ไฟป่า-หมอกควัน โครงการพระราชดำริ และหารือกับผู้ว่าราชการฯ รวมทั้งฝ่ายความมั่นคงในการแก้ไขปัญหายาเสพติดด้วย และหากมีโอกาสก็อาจจะได้พบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ในครั้งนี้จะมีโอกาสได้พบกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่จะเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อเยี่ยมบรรพบุรุษหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีตอบว่า หากมีโอกาสก็จะได้พบกัน และที่ผ่านมา ก็ได้เจอกับนายทักษิณหนึ่งครั้งแล้ว ถ้าจะเจอครั้งที่สองคงไม่เป็นไร เพราะเป็นคนรู้จักกันอยู่แล้ว หากสะดวกก็คงได้พบกัน แต่ในเบื้องต้นยังไม่ได้นัดหมายกับนายทักษิณ เพราะไม่ทราบว่าฝ่ายอดีตนายกฯ จะเดินทางไปที่ไหน เวลาไหน
ส่วนเรื่องที่ว่า ฝ่ายค้านจะนำเรื่องนายทักษิณ เข้าไปอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ฝ่ายบริหารมีหน้าที่ตอบข้อซักถามของฝ่ายนิติบัญญัติอยู่แล้ว ส่วนตัวไม่ได้กังวลเพราะเป็นไปตามกฎหมาย นายทักษิณเองก็ออกมาตามกฎหมายทุกอย่าง
พร้อมแถลงผลงาน เยือนต่างประเทศบ่อย ได้ประโยชน์อะไร
“เราก็ไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายอะไรกับใครทั้งสิ้น ถ้าเกิดมีเรื่องข้องใจอันใดก็ให้เป็นไปตามกลไกการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” นายกรัฐมนตรีกล่าว
พร้อมกันนี้ยังยืนยันว่า ยินดีที่จะชี้แจงทุกเรื่องและรัฐมนตรีทุกคนก็พร้อมที่จะชี้แจงเช่นกัน ซึ่งในขณะนี้รัฐบาลพยามเร่งทำงานทุกอย่าง และกลางเดือนมีนาคมนี้ จะมีการแถลงว่า การที่รัฐบาลเดินทางมาต่างประเทศมีผลงานอะไรบ้าง การลงทุนของแต่ละบริษัทที่ได้พบหารือไปถึงขั้นตอนใดแล้ว ประชาชนจะได้สบายใจ ขณะเดียวกันก็จะได้วางแผนการรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไปด้วย
สำหรับประเด็นที่ฝ่ายการเมืองออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า นายกรัฐมนตรีเดินทางไปต่างประเทศแต่ไม่มีผลงานนั้น ตนไม่ขอตอบ เพราะเป็นเพียงเป็นวาทกรรมทางการเมือง
"ผลงานรัฐบาลมีหรือไม่ ขอให้ประชาชนตัดสินใจและขอโอกาสให้ทีมงานได้อธิบาย" นายกรัฐมนตรีกล่าว และอธิบายเพิ่มเติมว่า การเดินทางลงพื้นที่ทั้งในและต่างประเทศเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเอเปก อาเซียน-ออสเตรเลีย หรืออาเซียน-ญี่ปุ่น ซึ่งไม่ไปไม่ได้ และเมื่อเดินทางไปแล้ว ก็ใช้โอกาสในการพบปะภาคเอกชนเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ ส่วนตัวขอให้เกียรติทีมงานเป็นคนตอบ เพราะเป็นความภาคภูมิใจ ไม่ใช่เพียงนายกรัฐมนตรีแถลงคนเดียว