เปิดคำวินิจฉัยกกต. แจกใบดำ-ใบแดง มุกดาวรรณ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคภูมิใจไทย

18 มี.ค. 2567 | 09:51 น.
อัปเดตล่าสุด :18 มี.ค. 2567 | 09:58 น.

เปิดคำวินิจฉัย กกต. แจกใบดำ-ใบแดง "มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล" ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 8 พรรคภูมิใจไทย คดีแจกเงินซื้อเสียงแลกลงคะแนน

วันนี้ (18 มี.ค. 67) เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ได้เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต. ที่มีคำสั่งให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือ เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ นางมุกดาวรรณ เลื่องสีนิล ส.ส.นครศรีธรรมราช เขตเลือกตั้งที่ 8 พรรคภูมิใจไทย ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 มาตรา 138 และ สั่งให้ นางมุกดาวรรณ รับผิดในค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้งครั้งที่เป็นเหตุให้ศาลฎีกามีคำสั่ง 

พร้อมดำเนินคดีอาญา นางมุกดาวรรณ, จ่าสิบเอก ถาวร แก้วศรีอ่อน และ นายวีระศักดิ์ คชเชนทร์ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ตามมาตรา158 ของกฎหมายเดียวกัน

โดยกกต.ระบุพฤติกรรมว่า ระหว่างปลายเดือนมี.ค.-เม.ย. 66 จ่าสิบเอกถาวร ซึ่งมีหลักฐานเป็นผู้ช่วยหาเสียงของ นางมุกดาวรรณ ติดต่อให้พยานคนที่ 1 ของผู้ร้องเป็นตัวแทน หรือ หัวคะแนน ให้แก่ นางมุกดาวรรณ โดยมอบหมายพยานคนที่ 1 ส่งรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้แก่จ่ าสิบเอกถาวร  ซึ่ง วันที่ 12 พ.ค.66  พยานคนที่ 1 ได้ไปที่บ้านพัก จ่าสิบเอกถาวร และได้รับเงินจากภริยาของจ่าสิบเอกถาวร จำนวน 25,000 บาท โดยให้นำไปแจกผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ตามรายชื่อที่ส่งให้เพื่อจูงใจให้ลงคะแนนให้กับ นางมุกดาวรรณ 

นอกจากนี้ ยังปรากฏข้อความบันทึกเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างพยานคนที่ 1 กับ จ่าสิบเอกถาวร เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 66 โดยจ่าสิบเอกถาวร ได้ขอให้พยานคนที่ 1 ติดต่อ นางมุกดาวรรณ เพื่อขอความช่วยเหลือกรณีถูกกล่าวหาว่า มีการให้เงินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามข้อกล่าวหา และให้กล่าวว่า เงินดังกล่าวเป็นเงินค่าน้ำยางและค่าแชร์ 

รวมถึงขอให้พยานคนที่ 1 เดินทางไปที่บ้านพักของ นางมุกดาวรรณพร้อมกับตน ซึ่งเมื่อวันที่ 12 ส.ค.66 เวลา 12.44 น. นางมุกดาวรรณ โทรศัพท์ติดต่อพยานคนที่ 1 บอกว่าอยากพบ อยากรู้จักขอโอกาสได้เจอกันสักครั้งหนึ่ง เกรงว่าพยานคนที่ 1จะไม่ได้รับความเป็นธรรม และเดือดร้อน ซึ่ง นางมุกดาวรรณ บอกจะต่อสู้ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ถ้ามีหนังสือจากสำนักงาน กกต.มาขอให้บอก

พร้อมให้หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบุตรสาว นางมุกดาวรรณ โดยบอกว่า ให้พยานคนที่ 1 โทรติดต่อได้ตลอดเวลา 

กรณีจึงปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า นางมุกดาวรรณ ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจ ให้จ่าสิบเอกถาวร ให้เงินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเอง ตามข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นการทุจริตการเลือกตั้ง

นอกจากนี้ จากการไต่สวนยังรับฟังได้ว่า พยานคนที่ 2-5 ของผู้ร้องให้ถ้อยคำ สอดคล้องกันว่า นายวีระศักดิ์ คชเชนทร์ ได้เดินทางไปที่บ้านของพยานคนที่ 2 ซึ่งเป็นร้านขายอาหาร และชักชวน ให้ไปฟังการปราศรัย ที่วัดปากเสียวใต้

พร้อมระบุว่า อีก 3 วันจะนำเงินค่าฟังปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งของ นางมุกดาวรรณ มามอบให้คนละ 200 บาท เมื่อพยานไปถึงสถานที่ฟังการปราศรัย และลงทะเบียนโดยระบุชื่อสกุล หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ จากนั้นวันที่ 20 มี.ค.66 นายวีระศักดิ์ มาที่บ้านของพยานคนที่ 2 ให้เงินแก่พยานคนที่ 2-5 และบิดาพยานคนที่ 2 คนละ 200 บาท พร้อมบอกว่า ก่อนวันเลือกตั้งจะเอามาให้อีก 300 บาท จากการไต่สวนพยานคนที่ 5,7 ก็ให้ถ้อยคำสอดคล้องในลักษณะเดียวกัน  

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวในวันเลือกตั้งที่ 14 พ.ค. 66 นายวีระศักดิ์เดินทางมาหาพยานคนที่ 5 และให้เงินเป็นธนบัตร ฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 2 ฉบับ พับ 4 ส่วน เย็บติดกับกระดาษสีขาว เขียนข้อความว่า “บ้านน้าแนบ 4 คน 2,000” พร้อมกับกล่าวว่า “อย่าลืมเบอร์ 3” คำว่า "บ้านน้าแนบ” เป็นชื่อมารดา พยานคนที่ 5 ของผู้ร้อง ซึ่งเสียชีวิตประมาณ 2 ปีแล้ว 

นอกจากนี้ พยานคนที่ 8 ของผู้ร้อง ได้บันทึกเทปการสนทนาระหว่างตนกับ นายวีระศักดิ์ โดยนายวีระศักดิ์ กล่าวว่า “ดูเถอะคน 67 คน แต่มี 6 คนเท่านั้นที่มีรายชื่อมาที่ได้จ่ายเงินให้ 6 คนเท่านั้นที่มีรายชื่อ” ซึ่งทำให้เข้าใจได้ว่า มีการจ่ายเงินซื้อเสียงตามรายชื่อจำนวน 67 คน แต่กลับมีปัญหา จำนวน 6 คน ตามที่มีการกล่าวหา

ทั้ง 2 กรณี กกต.เห็นว่า จึงปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า นางมุกดาวรรณ ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้ จ่าสิบเอกถาวร และ นายวีระศักดิ์ ให้เงินแก่ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเอง ตามข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นการทุจริตการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.2560 มาตรา 73(1) ประกอบมาตรา 138วรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้ผลการเลือกตั้ง ส.ส.นครศรีธรรมราช เขตเลือกตั้งที่ 8 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนางมุกดาวรรณ ที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม