28 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมบัติ ธรธรรม อนุกรรมการกลั่นกรองตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน ประจำสำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาครัฐและการรัฐวิสาหกิจ 1 (กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) และอดีตที่ปรึกษากรรมการ ปปช.หลายสมัย ได้ทำหนังสือถึง นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ กรรมการ ป.ป.ช.เพื่อยื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งอนุกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิ (นายสมบัติ สังกัดนายเอกวิทย์) ซึ่งมีใจความว่า
"ขอลาออกจากตำแหน่งอนุกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิ และให้มีผลวันที่ 1 เมษายนนี้" โดยเมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.ได้ลงนามอนุมัติแล้ว
สำหรับนายสมบัติเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ซึ่ง บก.ปปป.กำลังสอบสวนตามข้อร้องเรียนว่า ร่วมรับเงินจากบัญชีม้าที่ พ.ต.ท.คนหนึ่งชำระค่าตั๋วเครื่องบินให้ไป จ.สงขลา เพื่อไปจัดทำบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของพลตำรวจเอกคนหนึ่งที่ต้องยื่นให้ป.ป.ช.พิจารณา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2567 พนักงานสืบสวนฯ และผู้กล่าวหาคดีเว็บพนันบีเอ็นเค มาสเตอร์ (สำนวนของ สน.เตาปูน) ส่งหนังสือร้องเรียนถึงเลขาธิการ ป.ป.ช. เรื่อง ขอให้พิจารณาตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่พิจารณาไต่สวน โดยใจความหลักระบุว่า
"ข้อเท็จจริงที่ได้จากสืบสวนจากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของพันตำรวจโท "ค." ผู้ต้องหาในสำนวนคดีอาญาที่ 724/2566 ของกองบังคับการตำรวจสืบสวนฯ ปรากฎข้อมูลการสนทนาในแอปพลิเคชันไลน์ว่า มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ป.ป.ช. จำนวน 5 ราย คือ 1.นายสมบัติ ธรธรรม 2.นาย ว. 3.นาย จ. 4.นางสาว ก. และ 5.ว่าที่ ร.ต.หญิง ข. คือ มีการจัดทริปไหว้พระ และรับประทานอาหารร่วมกันที่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 11-13 มีนาคม 2565 โดยพันตำรวจโท "ค." เป็นผู้ติดต่อในการโดยสารทางเครื่องบินให้กับบุคคลทั้งห้า
รวมทั้งบุตรสาวของนาย ส. อีกสองคนที่ร่วมเดินทางไปด้วยซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ พลตำรวจเอก "ส." ขออนุมัติเปลี่ยนวันเดินทางไปราชการในพื้นที่จ.สงขลา และพื้นที่ใกล้เคียงในวันที่ 11-12 มีนาคม 2565
นอกจากนี้ ยังพบความเกี่ยวพันสนิทสนม มีการช่วยเหลือกันในด้านต่าง ๆ มานาน โดย นายสมบัติ ธรธรรม เป็นผู้เกี่ยวข้องในการจัดทำเอกสารเพื่อยื่นบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินของพลตำรวจเอก "ส." รวมทั้งเอกสารต่าง ๆ เช่น สัญญาซื้อขายที่ดิน หนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงของบุคคลต่าง ๆ อาทิ "เฮียอั้ง", "นส. ว." , "บริษัท รักษาความปลอดภัยฯ" ซึ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องในการชี้แจงด้วยโดยมีปรากฎข้อความกำกับท่าทางของเฮียอั้ง รวมทั้งแนะนำให้เฮียอั้งโชว์ธนบัตรจำนวนหลายล้านบาทเพื่อบันทึกภาพถ่ายโดย นาย จ. เป็นลูกน้องของ นาย ส. ซึ่งเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว
ทั้งยังปรากฏข้อความในบันทึกการสนทนาผ่านไลน์ว่า มีการนัดทานอาหารและพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องชี้แจง ป.ป.ช. กันบ่อยครั้ง มีลักษณะต่างฝ่ายต่างให้การช่วยเหลือดูแลกัน เกินเลยมากกว่าการประสานงานกันตามปกติ
ทั้งยัง ปรากฎข้อความในการช่วยเหลือประสานให้ลูกน้องของ นาย ส. และแฟนสาวของนาย จ. (น.ส.ก.) ในการบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจ ด้วยวิธีการคัดเลือก และสอบสัมภาษณ์ และอบรมหลักสูตร กอส.49 รวมทั้งปรากฎข้อความว่า มีการฝากประวัติข้าราชการตำรวจเพื่อขอรับการสนับสนุนให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้นในระดับสารวัตรและผู้กำกับการ
แสดงให้เห็นว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวมีความใกล้ชิดสนิทสนมกันกับพลตำรวจเอก "ส." และ พันตำรวจโท "ค." อันมีลักษณะเป็นการคบหาสมาคมมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้อง หรืออาจรับประโยชน์หรืออาจมีส่วนได้เสียกัน ซึ่งหากมีเรื่องพิจารณาของ พลตำรวจเอก "ส", พันตำรวจโท "ค" และผู้ต้องหาอื่น ๆ ในความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ข้างต้น อาจจะทำให้การพิจารณาไต่สวนของสำนักงานป.ป.ช.เสียความยุติธรรมได้
จึงขอให้ตรวจสอบว่า เจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ป.ป.ช. จำนวน 5 รายดังกล่าว มีความเกี่ยวข้องรับผิดชอบในการพิจารณา ตรวจสอบ หรือไต่สวน สำนวนคดีอาญาที่ 724/2566 หรือในเรื่องอื่นที่ผู้ต้องหาถูกร้องเรียนหรือถูกกล่าวหาและหากพบว่า เกี่ยวข้องขอให้เปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบที่ทำการพิจารณา ตรวจสอบ หรือเกี่ยวข้องในการไต่สวนเรื่องดังกล่าวเพื่อเป็นการอำนวยความยุติธรรมให้กับทุกฝ่าย
หากพบเหตุอันควรสงสัยว่า เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. มีพฤติการณ์ส่อเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมหรือวินัย ขอได้โปรดพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมายเพื่อปกป้องชื่อเสียงของสำนักงาน ป.ป.ช. และยังความยุติธรรมให้แก่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนซึ่งได้กระทำการตามอำนาจหน้าที่ด้วยความสุจริต"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือร้องเรียนฯดังกล่าวนั้นต้องติดตามว่า เลขาธิการ ป.ป.ช.แจ้งให้สื่อมวลชนรับทราบแล้วว่า อนุกรรมการฯคนนี้ลาออกเเล้ว เเละพักงานเจ้าหน้าที่ ปปช.ที่เกี่ยวข้องเเล้ว ตอนนี้ปปช.รอสำนวนสอบสวนจากบก.ปปป.เพื่อดำเนินการต่อไป
นอกจากนี้ ต้องติดตามว่า คณะกรรรมการ ป.ป.ช.จะมีความเห็นอย่างไรในเรื่องข้างต้น เเละจะนำไปประกอบกับการพิจารณาสำนวนของ รองผบ.ตร.กับพวกในสำนวนต่าง ๆ หรือไม่ เพราะรายละเอียดของหนังสือร้องเรียนฯดังกล่าวนั้นค่อนข้างชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่ป.ป.ช.มีความสัมพันธ์กับ รองผบ.ตร.ในลักษณะปฏิบัติหน้าที่ที่เอื้อประโยชน์และได้รับผลตอบแทนที่ผิดกฎหมายและเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.เหล่านี้สังกัดหน่วยงานที่นายเอกวิทย์กำกับดูแล
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลนั้น พบว่า ตำแหน่งหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ในหนังสือร้องเรียนฉบับดังกล่าว คือ "นาย ส." ในฐานะอนุกรรมการกลั่นกรองตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินประจำสำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาครัฐและการรัฐวิสาหกิจ 1 (กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) และอดีตที่ปรึกษากรรมการ ป.ป.ช.หลายสมัย
"นาย จ." ในฐานะพนักงานไต่สวนระดับกลาง สำนักทุจริตภาคการเมือง และ "นาย ว." ในฐานะพนักงานไต่สวนระดับสูง สำนักไต่สวนทุจริตภาครัฐ 1 ( กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ )และเป็นผู้ดูแลสำนวนการร้องเรียนของพลตำรวจเอก "ส." ที่มีการร้องเรียนให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ
ด้าน นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยความคืบหน้าล่าสุดว่า ขณะนี้ นายสมบัติ ธรธรรม ที่ตกเป็นข่าวมีส่วนเกี่ยวพันช่วยแต่งบัญชีทรัพย์สินฯให้บิ๊กตำรวจนั้นได้ยื่นหนังสือลาออกจากอนุกรรมการทุกชุดแล้ว
ส่วนเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.คนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องนั้นดำเนินการเช่นใด เลขาธิการ ป.ป.ช.ระบุว่า บางคนไม่ใช่เจ้าหน้าที่แต่เป็นอนุกรรมการฯ และอนุกรรมการฯคนนั้นลาออกไปแล้วผิดถูกก็ว่ากันเพราะตำรวจยังไม่ส่งสำนวนมาให้ ป.ป.ช. แต่เจ้าหน้าที่ปปช.ที่ถูกกล่าวหานั้นมีการกันตัวไม่ให้ทำหน้าที่แล้ว ตอนนี้รอสำนวนจากตำรวจหากสำนวนมาถึง ป.ป.ช.จะดำเนินการทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2566 ในการประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม มีพิจารณา นายสมบัติ ธรธรรม ทนายความ และที่ปรึกษากฎหมายอิสระ ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561 โดยเป็นการประขุมและลงคะแนนลับ
ทั้งนี้ ประธานที่ประชุม แจ้งว่า นายสมบัติ ได้รับคะแนนเห็นชอบ 110 คะแนน ไม่ให้ความเห็นชอบ 84 คะแนน ไม่ออกเสียง 26 คะแนน ถือว่า นายสมบัติ ได้รับความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา หรือ 125 คะแนน จึงถือเป็นผู้ไม่ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา ให้ดำรงตำแหน่ง กรรมการ ป.ป.ช.