กระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ปรับ ครม.) ที่กำลังจะมีขึ้น เริ่มสร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดขึ้นภายใน “พรรคเพื่อไทย” จากรัฐมนตรีที่มีรายชื่อโผล่ออกมาว่าจะ “หลุด” จากเก้าอี้รัฐมนตรี ไม่ได้ไปต่อในรัฐบาล “เศรษฐา 2”
นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีรายชื่อที่จะหลุดจากเก้าอี้ รมต. กล่าววันที่ 19 เม.ย. 2567 ถึงกระแสข่าวการปรับ ครม. ว่า เป็นเพียงกระแส แต่ยังไม่ได้รับแจ้งจากใคร โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ซึ่งอำนาจทั้งหมดอยู่ที่นายกฯ
“ส่วนตัวคิดว่าทำงานเยอะมาก และตั้งใจทำงานในทุกหน้าที่ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย รวมถึงขณะนี้ก็มีงานที่ติดค้างอยู่จำนวนมาก จึงอยากจะมีโอกาสได้ทำงานให้กับประเทศชาติต่อไป”
เมื่อถามถึงความรู้สึกเพราะทำงานเยอะ แต่กลับมีข่าวถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรีตลอด จะเป็นการบั่นทอนหรือไม่ นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า “ไม่หรอก ข่าวก็คือข่าว รอให้นายกรัฐมนตรีเป็นคนแจ้ง ซึ่งทางครม.ก็จะแจ้งอีกทีว่าจะปรับหรือไม่ อย่างไร แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการรับแจ้งแต่อย่างใด”
นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า ตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ทำงานไม่เคยหยุด เมื่อคืนก็ไปจับบุหรี่ไฟฟ้า ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องไม่ได้หยุด ยังคงฟังคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ยังคงต้องทำงานเพื่อเป็นภูมิคุ้มกันในการโยกย้ายต่างๆ ซึ่งตนยังอยากขอโอกาสในการทำงาน เนื่องจากยังมีหลายงานคั่งค้าง อยากทำงานสำคัญให้สำเร็จลุล่วง
เมื่อถามว่าระยะเวลาการทำงาน 7 เดือนสั้นไปหรือไม่ นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า จริงๆ แล้วสิ่งสำคัญคือ งบประมาณยังไม่ได้ใช้ ซึ่งโอกาสใกล้เข้ามาที่จะได้ใช้งบประมาณในการแสดงฝีไม้ลายมือต่างๆ
เมื่อถามว่าธรรมเนียมของพรรคเพื่อไทยจะมีการปรับ ครม. ทุก 5-6 เดือนอยู่แล้ว นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า ก็แล้วแต่ความเหมาะสม อาจจะมองว่าคนไม่ตรงกับงาน ซึ่งเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เรื่องของนายกรัฐมนตรี ที่จะเห็นว่าใครเหมาะสมที่จะอยู่ตรงไหน
ผู้สื่อข่าวป้อนคำถามอีกว่ากระแสข่าวที่ออกมาทำให้เสียกำลังใจในการทำงานหรือไม่ นางพวงเพ็ชร ยอมรับว่า “มีบ้าง แต่นายกฯ ก็บอกว่าอย่าหวั่นไหว แต่ก็ยอมรับว่าก็มีหวั่นไหวบ้าง เพราะมีชื่อตลอด แต่ก็ตั้งใจทำงานไปอย่างเดียว เพราะนายกฯ บอกว่าภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดคือการทำงาน”
เมื่อถามต่อว่าตลอด 7 เดือนที่ผ่านมาในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี การดำเนินงานเป็นเช่นไรบ้าง นางพวงเพ็ชร ชี้แจงว่า เนื่องจากเป็นยุคของการเปลี่ยนผ่าน เมื่อเข้ามาใหม่ก็ต้องใช้เวลาในการบริหารงานพอสมควร ทั้งการเปลี่ยนผู้บริหาร การตั้งบอร์ด ก็มีการเปลี่ยนผ่านเยอะ ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควรในเรื่องการทำระบบต่างๆ ให้เข้าที่ ตนตั้งใจทำงานและกว่าจะสำเร็จลุล่วงมาถึงวันนี้ได้ ก็เหนื่อยพอสมควร แต่ก็จะตั้งใจต่อไป
“สุทิน”เสียดายหากหลุดรมต.
ด้าน นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ซึ่งเป็นอีก 1 คน ที่มีชื่อติดโผหลุดตำแหน่ง รมต. ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวจะถูกปรับออกจากรัฐมนตรี ว่า ผลงานเป็นที่พอใจแต่ยังไม่ 100% เพราะหลายเรื่องยังไม่ออกมา บางเรื่องยังเป็นเรื่องของการเริ่มต้น แต่เรามีคณะกรรมการ 8 คณะที่ตั้งขึ้นมา ซึ่งวันนี้ได้สั่งการอีกว่าคณะไหนที่ขับเคลื่อนได้โดยยังไม่ต้องพึ่งการแก้ไขกฎระเบียบ หน่วยงานไหนทำได้ก็ทำเลย
ส่วนเรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับการแก้กฎหมาย หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง ก็จะเริ่มดำเนินการ เชื่อว่าคณะกรรมการ 8 + 2 ของตน ไม่เกิน 1-2 เดือนจะเห็นผล ส่วนเรื่องปรับ ครม. เป็นเรื่องปกติ ไม่ได้คิดอะไรมาก
เมื่อถามว่าทำไมถึงมีชื่อของ นายสุทิน ในการปรับ ครม. นายสุทิน กล่าวว่า กระทรวงนี้เป็นที่น่าสนใจ
เมื่อถามว่าหากมีการปรับ แล้วนายกฯ มาควบกลาโหมเอง ตามมารยาทแล้ว นายกฯ จะต้องมาคุยกับ นายสุทิน หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า “ผมเคยบอกแล้วว่า นายกฯ เป็นกัปตันทีม ท่านจะเปลี่ยนและสลับตำแหน่งผู้เล่น สามารถทำได้ เพราะเป้าหมายคือต้องได้ประตู และต้องชนะ สำหรับผมไม่มีปัญหา”
เมื่อถามว่าหากนายกฯ มาควบกระทรวงกลาโหม นโยบายและแผนงานต่างๆ ที่ผ่านมา จะได้รับการสานต่ออย่างไร นายสุทิน กล่าวว่า “หากท่านมา ท่านต้องทำอยู่แล้ว เพราะสิ่งที่ผมทำก็เป็นนโยบายรัฐบาล ใครมาอยู่ตรงนี้ หากมาจากพรรคเรา ก็ต้องทำต่อ“
เมื่อถามว่าไม่รู้สึกน้อยใจหรือเสียใจเพราะมาอยู่กระทรวงกลาโหมได้ประมาณ 7 เดือน กำลังวางฐานปรับตัวเข้ากับระบบราชการแต่ถูกย้าย นายสุทิน ตอบว่า “ก็เสียดาย เพียงว่า อยากจะใช้เวลาพิสูจน์ว่าพลเรือนก็เป็นรัฐมนตรีที่ดีได้ นักการเมืองก็มีวุฒิภาวะพอที่จะรับผิดชอบงานความมั่นคงได้ เสียดายตรงนี้นิดเดียวส่วนเรื่องอื่นไม่เสียดาย เพราะใครมาก็ทำต่อได้ ถ้านายกฯ มา อำนาจท่านก็สมบูรณ์อยู่แล้วทำได้ดี”
เมื่อถามว่าบางคนบอกว่าระยะเวลา 7 เดือน น้อยไปที่จะพิสูจน์การทำงาน นายสุทิน กล่าวว่า อยู่ที่เกณฑ์ช่วงเวลา เช่น 6 เดือนทำได้เท่านี้ ก็ดีแล้ว 10 เดือนเท่านี้ 2 ปีต้องเท่านี้ สำหรับ 7 เดือน ก็วัด 7 เดือนถ้า 7 เดือน ทำได้แค่นี้ ก็พอใจ มันอยู่ที่เกณฑ์วัดและเวลา
เมื่อถามว่าเคพีไอ 6-7 เดือน โหดไปหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า “ไม่หรอก ในอดีต 2 เดือนก็มี นายกฯ ประเทศไทย 16 วัน ยังมีเลย 2 เดือนก็มี ไม่เป็นไร บ้านเมืองเราก็มี”
เมื่อถามว่ามีแรงกระเพื่อมในพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เพราะรายชื่อรัฐมนตรีที่หลุด ครม. เป็น ส.ส.อีสาน ถึง 3 คน นายสุทิน กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นรัฐมนตรีที่มีชื่อออกมาแสดงท่าทีจะทำให้เกิดปัญหา ทุกคนก็ให้เกียรตินายกฯ ให้เกียรติพรรค ถ้าทุกคนออกมาแสดงท่าทีโวยวาย หรือไม่ให้เกียรตินายกฯ และพรรค อันนี้ตนมองว่าน่าห่วง แต่ตอนนี้ทุกคนมีท่าทีให้ความร่วมมือ
เมื่อถามต่อว่าไม่ว่า นายสุทิน จะอยู่ในตำแหน่งใด ยังอยู่คงพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า “พรรคให้อยู่ก็อยู่ ถ้าอยู่มันอยู่ 2 ฝ่าย คือ พรรคให้อยู่ และเราอยู่ ถ้าคิดจะย้ายพรรคก็ย้ายแล้ว ถูกไหม มีเหตุการณ์หนักกว่านี้ที่ควรย้าย เยอะชีวิตผม”
ส่วนหากต้องพ้น รมว.กลาโหม โครงการเรือดำน้ำ โครงการจัดหาเครื่องบินรบ และโครงจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์อื่นๆ จะดำเนินการต่อได้หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า “คนมาทำก็ดำเนินการต่อได้ ผมอยู่ไหนก็ช่วยต่อ แม้ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ผมก็จะช่วย ไม่มีปัญหา”
”มีเรื่องเดียวที่จะ แม้พูดจริงๆ ไม่อยากจะพูด แต่ดราม่ากันไปเยอะ ถือโอกาสอธิบายเรื่องมอบพวงมาลัย ส่งแล้วไม่รับ ผมฟังอยู่ผิดเพี้ยนไปเยอะ ผมเข้าพบท่านทักษิณ ก่อนใครเลย คือวันที่ 9 เม.ย. สองต่อสอง ก็ไปรดน้ำดำหัว และคุยกัน ท่านก็มีเมตตาให้พร ให้คำปรึกษาในการทำงานเยอะ แต่มีคนไปลงข่าว บอกว่าวันที่ 12 เม.ย. ผมไปขอเข้าพบ แล้วท่านไล่มาทำงาน ไปทำไมบ่อยๆ จะไปวันที่ 14 เม.ย. ยังเกรงใจเลย กลัวว่ามาบ่อย แต่เพื่อนชวนก็ไป ตอนนั้นตอนที่คนเอาคลิปมาลง ถ้าสังเกตดีๆ ผมอยู่กับท่านพายัพ ชินวัตร ท่านพายัพก็ถือ ผมก็ถือพวงมาลัย ก็คุยกัน ท่านพายัพบอกว่าไม่เหมาะหรอก ถ้ามามอบตอนนี้ ให้ท่านนั่งเป็นทางการ เป็นเด็กให้ผู้ใหญ่ ผมไม่ได้ยื่นเลย แต่ผมยกมือไหว้ ถ้าจะมอบผมก็ต้องยื่น ถ้ายื่นท่านก็ต้องรับ ท่านเป็นผู้ใหญ่มีเมตตา ท่านไม่ได้คิดแค่นั้น ขอให้เข้าใจกันใหม่ เรื่องนี้ไม่มี ยังเป็นปกติ ยังคุยปกติ จากนั้นก็เข้าไปนั่งคุยในห้อง แล้วก็มอบให้ แต่ตอนมอบคนไม่ได้ดู“
เมื่อถามว่าแสดงว่าไม่ได้เป็นสัญญาญลบอะไร นายสุทิน กล่าวว่า “ผมไม่ได้มีความรู้สึกอะไรที่ไม่ดี เป็นปกติ ผมยังแซวท่านเลย ท่านใส่เสื้อหัวใจแดง ท่านบอกว่าผมใส่เสื้อตัวนี้มา เพราะผมรักทุกคน”
เมื่อถามว่าเมื่อวันที่ 9 เม.ย. ที่พูดคุยกับนายทักษิณ มีสัญญาใจรับประกันอะไรหรือไม่ เพราะมีกระแสข่าวพุ่งไปที่ตำแหน่งประธานสภาฯ แทน จากผู้ที่หลุด ครม. นายสุทิน กล่าวว่า ไม่มีคุย แต่คุยเรื่องแนะนำการทำงานและอวยพรให้พรการทำงาน เทคนิคการทำงาน
เมื่อถามว่าการไปเข้าพบนายทักษิณ เป็นสัญญาณได้อยู่ต่อหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า “ท่านคงไม่แนะนำถึงขนาดนั้น ท่านแนะนำกว้างๆ ส่วนเรื่องการบริหารบุคคลบริหารทีม อยู่ที่นายกฯ ตัดสินใจของท่านเอง”
เมื่อถามว่า นายทักษิณ เคยได้รับบทเรียนราคาแพงจากกองทัพมาก่อน มีการเตือนให้ระวังกองทัพหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า “ท่านไม่ได้พูด และไม่ต้องพูดด้วย เพราะผมก็อยู่ด้วยในสถานการณ์นั้นมาตลอด ก็ได้เรียนรู้มาพร้อมๆ กัน รู้ว่าอะไรควรไม่ควร อะไรต้องระวัง ไม่ต้องระวัง ท่านไม่ต้องบอก ผมก็รู้พอๆ กับท่าน อยู่ด้วยกันมากับท่าน”
เมื่อถามว่านายกฯ ได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับการปรับนายสุทิน ออกจากรัฐมนตรีหรือไม่ และถ้าไม่ได้มีการพูดคุยแต่ปรับออก จะรู้สึกเคืองหรือไม่ นายสุทิน บอกว่า “ไม่พูด ก็ไม่เป็น และไม่เคือง เพราะ สุทิน เป็นคนแบบนั้น แฟร์ๆ อยู่แล้ว ให้เกียรติกับทุกคน ส่วนตัวมองว่าหากปรับออก ยังไงก็ต้องมีการบอกและส่งสัญญาณกัน จึงเข้าใจว่ายังไม่ถึงเวลา”
ส่วนเหตุผลที่จะมีการปรับ นายสุทิน และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข เป็นเพราะไม่มีคนหนุนหลังหรือไม่ นายสุทิน ตอบว่า เรื่องนี้ต้องไปถามว่าเหตุผลเพราะอะไร เพราะตนไม่รู้ ที่ผ่านมาก็ปรับเปลี่ยนกันตลอด
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะบอกคนในพื้นที่ภาคอีสานอย่างไร เพราะเป็นเหมือน “เสร็จนาฆ่าโคถึก” นายสุทิน ตอบว่า “ชาวบ้านรู้ใครทำงาน ชาวบ้านทุกวันนี้เก่ง พร้อมทั้งให้กำลังใจกับผม บอกว่าจะเป็นรัฐมนตรีกี่เดือนก็แล้วแต่ 6 เดือน ก็เป็น 6 เดือน ครองใจประชาชนอยู่แล้ว เชื่อว่าเมื่อถึงเวลาจะอธิบายกับประชาชนได้”
เมื่อถามถึงความพร้อมหากถูกปรับออก ให้ไปทำงานสภาฯ นายสุทิน กล่าวว่า ทำงานได้ทุกที่ ถนัดทุกอย่าง บริหารก็ถนัด
ภูมิคุ้มกันดีที่สุดคือการทำงาน
ขณะที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์โดยตอบคำถามของผู้สื่อข่าวที่ถามว่าหลังจากมีข่าวการปรับ ครม.ออกไป มีแรงกระเพื่อมอะไรหรือไม่ในทางการเมือง ที่อาจจะมีผลกระทบต่อการทำงาน นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องบอกว่าแรงกระเพื่อมคืออะไร อย่างที่ตนเคยเรียนไปเมื่อ 2-3 วันก่อนในช่วงสงกรานต์ ก็มีการวิ่งเต้นสอบถามข่าว จึงบอกว่า “ภูมิคุ้มกันดีที่สุดคือการทำงาน”
เมื่อถามว่าจะลดแรงกระเพื่อมให้กับบรรดาผู้ที่หวั่นไหวหรือไม่ หลังจากที่บางคนมีชื่อออกมา นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนยืนยันเหมือนเดิม ภูมิคุ้มกันที่ดีคือเรื่องของการทำงาน
เมื่อถามว่าน่าจะลดแรงหวั่นไหวของรัฐมนตรีบางท่านได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ทราบจริงๆ
เมื่อถามว่าหลังมีข่าวการปรับ ครม. ออกมาทำให้รัฐมนตรีหลายคนขยันทำงาน นายกฯ ตอบว่า “ก็แล้วแต่สื่อที่จะตั้งข้อสังเกตกัน อย่างที่บอก ผมในฐานะผู้นำรัฐบาลเรื่องที่ผมสนใจมากที่สุดคือผลงาน”
เมื่อถามว่า นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ ออกมาบอกอยากให้พรรคเพื่อไทย ยึดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไว้ เพราะมีนโยบายหลายอย่างที่ต้องขับเคลื่อน นายเศรษฐา กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเลข 141 เสียง กับ 500 เสียง ทุกคนก็อยากได้หมด