วันที่ 11 พ.ค. 67 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีที่มีการกล่าวหาข้าวอายุเกิน 3 ปี ถือเป็นข้าวเน่า โดยยืนยันว่า คำพูดดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช เคยว่าจ้างสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI ตรวจคุณภาพข้าวในโครงการรับจำนำข้าวในปี 2548-2549 ซึ่งถูกสีเป็นข้าวสาร อายุ 3 ปี 4 เดือน และมีการรายงานผลอย่างเป็นทางการว่า ข้าวดังกล่าว มีความเสื่อมคุณภาพลง 2.71% น้ำหนักหาย 0.72% รวมความเสียหายทั้งหมด 3.43%
จึงให้แนวทางว่า ข้าวที่เก็บไว้ หากอายุไม่เกิน 1 ปี ให้ถือว่า ค่าเสื่อมเป็น 0 ส่วนข้าวอายุไม่เกิน 2 ปี ความเสื่อมไม่เกิน 2% ส่วนข้าวที่อายุเกิน 4 ปี ขึ้นไป ค่าเสื่อมเท่ากับ 15%
ดังนั้น การกล่าวหาว่าข้าวอายุมากกว่า 3 ปีถือเป็นข้าวเน่า จึงผิดจากข้อเท็จจริง และในอดีตจนถึงปัจจุบัน ข้าวที่เก็บไว้ในสต๊อกอายุนานถึง 10 ปี ก็ยังมี และครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ซึ่งเมื่อมีการประมูล ผู้ประมูลขายจะนำข้าวไปปรับปรุงคุณภาพก่อนตามกระบวนการ
โฆษกรัฐบาล ยังกล่าวถึงกรณีที้มีผู้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ข้าวลักษณะนี้ ไม่สามารถกินได้ว่า แต่ละคนมีกำลังซื้อไม่เท่ากัน และรสนิยมไม่เหมือนกัน บางคนเลือกกินข้าวที่ใหม่และสดกว่า แต่ในโลกนี้มีคนที่กินข้าวแบบนี้ก็เยอะ ผู้ค้าข้าว ก็มีตลาดคนเหล่านี้ในมือ จึงขอยืนยันว่า วาทกรรมข้าว 3 ปีถือเป็นข้าวเน่า เป็นวาทกรรมที่มุ่งหวังจะด้อยค่าข้าวจากโครงการรับจำนำ แต่ยอมรับว่าข้าว 10 ปี คุณภาพไม่เท่ากับข้าวใหม่ แต่ไม่ใช่ข้าวเน่า
โฆษกรัฐบาล ยังกล่าวอีกว่า ข้าวทุกเม็ดในโกดังถือเป็นสมบัติของประเทศ ถ้ายังมีราคา สามารถผ่านกระบวนการปรับปรุงคุณภาพ และขายสู่ตลาดที่พร้อมจะบริโภค ซึ่งพ่อค้าที่ไปร่วมพิสูจน์ที่จังหวัดสุรินทร์ ก็ยืนยันพร้อมจะรับซื้อหากไม่มีประมูลในราคากิโลกรัม 15 บาท แต่รัฐบาลจำเป็นต้องเปิดประมูล
ส่วนที่หลายคนอาจจะกังวลเรื่องสารเจือปนกับข้าวนั้น โฆษกรัฐบาล ชี้แจงว่า ข่าวตามโซเชียลมีเดีย ไม่มีการยืนยันว่า ได้ใช้ตัวอย่างข้าวที่มาจากจังหวัดสุรินทร์จริงหรือไม่ และการตรวจก็ไม่ชัดเจน บอกเพียงว่า ผล Positive 20 PPD ซึ่ง "สารอะฟลาท็อกซิน" ระดับที่ปลอดภัยคือ ไม่เกิน 20 PPD และสารที่ใช้ในการรมยาปกติจะไม่ได้รมทุกวัน และเพียงเดือนเดียวก็ระเหยหมด รวมถึงมีการขึ้นทะเบียนว่า สารชนิดนี้เป็นสารที่ปลอดภัย ดังนั้น จึงยืนยันว่าปลอดภัย
โฆษกรัฐบาล ยังยืนยันด้วยว่า หากมีการส่งข้าวจากจังหวัดสุรินทร์ไปตรวจแล้ว ผลออกมาเหมือนกับแล็ปที่นักวิชาการออกมา เปิดเผย รัฐบาลรับก็ได้ แต่ขอเป็นข้าวจากโครงการรับจำนำจริง ไม่ใช่นำเข้าจากที่อื่นมาอุปโลกน์ เพราะหน่วยงานที่ตรวจแล้วน่าเชื่อถือที่สุดคือ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ออกมายืนยันว่าไม่มีใครส่งมาตรวจอย่างเป็นทางการ พร้อมย้อนถามสถานีโทรทัศน์ ที่นำตัวอย่างข้าวไปตรวจว่า ใช่ข้าวต่างจังหวัดสุรินทร์จริงหรือไม่
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ยืนยันว่า ข้าวที่นายวีรชัย พุทธวงศ์ หรืออาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ นำไปตรวจสอบ เป็นข้าวที่สื่อมวลชนที่ลงพื้นที่ตรวจสอบโกดังที่จังหวัดสุรินทร์นำมาให้ตรวจจริง โฆษกรัฐบาล ได้ขอให้ผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบเพื่อยืนยันว่า ข้าวที่นำมาตรวจสอบเป็นข้าวในล็อตนี้จริงหรือไม่ เพราะถ้าใช่คลิปในโลกออนไลน์ จะต้องยืนยันให้ชัดเจนว่า เป็นข้าวจากสต๊อกใด รวมถึงมีวิธีการเก็บ และสุ่มตรวจอย่างถูกต้องหรือไม่อีกครั้ง เพราะในคลิปดังกล่าว ไม่มีการบอกว่า ตรวจจากแล็ปใด ผู้ตรวจเป็นนักวิชาการที่ได้มาตรฐานหรือไม่ ซึ่งหากเป็นผลการทดสอบจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ขอให้ออกเป็นเอกสารรายงานให้ชัดเจน
โฆษกรัฐบาล ยังยอมรับด้วยว่า ส่วนตัวยังไม่เห็นข้อมูลที่อาจารย์อ๊อดนำมาเผยแพร่ทราบเพียงแค่คำพูดบอกต่อกันมา จึงขอให้อาจารย์อ๊อด นำผลตรวจของจริงเป็นทางการออกมา และการปล่อยคลิปเช่นนี้คลุมเครือ ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นข้าวจากจังหวัดสุรินทร์จริง และหากตรวจสอบถูกต้อง เหตุใดจึงไม่ทำให้ชัดเจน
โฆษกรัฐบาล ยังมั่นใจด้วยว่า หากข้าว ล็อตนี้ไม่เน่า สามารถขายได้ในราคา กิโลกรัมละ 15 บาท จะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่พิสูจน์ว่า การโจมตีเรื่องข้าวเน่าที่เกิดขึ้นมาตลอดประวัติศาสตร์ 10 ปีที่ผ่านมา จะเกิดหางโผล่ ในทางกลับกันที่มีคนกล่าวหาว่าเป็นการฟอกขาวให้รัฐบาล ตนกับคิดว่า เป็นความพยายามออกมาด้อยค่าข้าวชุดนี้และกลบเกลื่อนคำลวงโลก คำหลอกลวงที่หลอกคนมาตลอด 10 ปี และไม่ต้องการให้การระบายข้าวชุดนี้สำเร็จ แต่เป็นการสร้างวาทกรรมทำลายกันทางการเมือง และเปิดช่องให้พรรคพวก ได้เข้ามาช้อนซื้อข้าวที่ดีในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง เพื่อหาประโยชน์