“พิชิต”ชิงลาออก“เศรษฐา”ไม่พ้นผิด ลุ้นดาบศาลรัฐธรรมนูญเที่ยงพรุ่งนี้

22 พ.ค. 2567 | 07:25 น.
อัปเดตล่าสุด :22 พ.ค. 2567 | 07:49 น.

“พิชิต”ชิงลาออก“เศรษฐา”ไม่พ้นผิด ลุ้นดาบศาลรัฐธรรมนูญเที่ยงพรุ่งนี้ : รายงานพิเศษ โดย...ทีมข่าวการเมือง ฐานเศรษฐกิจออนไลน์

KEY

POINTS

 

  • “พิชิต ชื่นบาน”ชิงลาออกจาก รมต. ตัดตอนไม่ให้ความผิดลามไปถึง นายกฯ เศรษฐา ไม่ได้ 

 

  • “เศรษฐา ทวีสิน”นำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็น รมต. ความผิดสำเร็จแล้ว 

 

  • เที่ยง 23 พ.ค. ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญจะจำหน่ายคดีของ "พิชิต ชื่นบาน" หรือ รับคำร้อง ของ 40 สว. ไว้วินิจฉัยถอดถอน นายกฯ เศรษฐา และ พิชิต ต่อไปหรือไม่ 

 

แม้ นายพิชิต ชื่นบาน จะลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปเมื่อบ่ายวันที่ 21 พ.ค. 2567 ที่ผ่านมา โดยอ้างเหตุผลว่า “เรื่องนี้ได้มีการพาดพิงไปถึงท่านนายกรัฐมนตรี หัวหน้าผู้บริหารราชการแผ่นดินต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และไม่กระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี ที่มีความจำเป็นต้องเดินหน้าด้วยความต่อเนื่อง ข้าพเจ้าจึงไม่ยึดติดกับตำแหน่ง ขอลาออกจากการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีเดินหน้าบริหารประเทศต่อไปได้”

การลาออกของ นายพิชิต ดูเสมือนเป็นการ “ตัดไฟแต่ต้นลม” ไม่ให้ปัญหาลามไปกระทบถึงการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของ นายเศรษฐา ทวีสิน

 

แต่ในมุมมองของ “นักกฎหมาย” หลายคน “หาใช่เช่นนั้นไม่” เพราะแม้ นายพิชิต จะลาออกไป แต่ความผิดได้เกิดขึ้นสำเร็จแล้ว นายเศรษฐา ก็อาจไม่พ้นความผิดอยู่ดี

เริ่มจาก นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol วันที่ 22 พ.ค. 67 ระบุว่า...

“การที่นายพิชิต ชื่นบาน ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี เมื่อวานนี้ ไม่มีผลกระทบต่อการยื่นคำร้องของ 40 สว.

1.ศาลรัฐธรรมนูญยังคงพิจารณาต่อไป เพราะยังมีเรื่องเพิกถอนสิทธิทางการเมืองพ่วงอยู่ด้วย

2.ไม่กระทบต่อความรับผิดชอบของนายกเศรษฐา เพราะการนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน นั้นสำเร็จไปแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญยังมีอำนาจเพิกถอน นายเศรษฐา ออกจากตำแหน่งนายกได้ และอาจตัดสิทธิ์ทางการเมืองด้วยก็ได้

ที่คนทั้งหลายยังต้องจับตาอยู่ตอนนี้ก็คือ ใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป และอนาคตพรรคภูมิใจไทย ที่ครองหัวใจการปกครอง คือ กระทรวงมหาดไทยอยู่จะอยู่หรือจะไปเมื่อใด?

สภาพการเมืองตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลแน่นอน คอยดูได้ว่าใครจะเป็นอะไรเท่านั้น แต่ต้องขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับท่านนายกชาย พรรคพวกชาวสงขลาของผม ซึ่งจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ ทรงตัวขึ้นได้ในรอบลุ่มทะเลสาบสงขลา หลังจากหมดน้ำยาไปหลายปีแล้ว

สำหรับพรรคก้าวไกลนั้น คงรู้ทันกลการเมืองของใครบางคน ที่กำลังคิดวิธีทำลายพรรคก้าวไกลโดยดึงเข้ามาร่วมรัฐบาล แต่คงจะไม่สำเร็จ เพราะขณะนี้ระดับความคิดของ ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล นั้น แหลมคม ไม่ด้อยกว่า นายแพทย์พรหมินทร์ ผู้เป็นเตียวหลียง ของพรรคเพื่อไทยแล้ว และเมื่อไม่อยู่ใต้รัศมีความคิดของ ปิยบุตร ก็ทำให้ระบบความคิด ของ ชัยธวัช เจิดจ้ายิ่งขึ้น

แต่คนที่นอนไม่เป็นสุขในขณะนี้ กลับกลายเป็น คุณอนุทิน แห่งพรรคภูมิใจไทยไปแล้ว”

“พิชิต”ลาออก“เศรษฐา”ไม่พ้นผิด

เช่นเดียวกัน นายเชาว์ มีขวด นักกฎหมาย และอดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟ๊กบุ๊ก “ทนายเชาว์ มีขวด” เรื่อง “พิชิต ลาออก เศรษฐา ยังไม่พ้นผิด” ระบุว่า 

“การลาออกของนายพิชิต ชื่นบาน ซึ่งตอนนี้กลายเป็น อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ต้องเรียกว่าหมดอายุเร็วที่สุด แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก เพราะตอนเข้ามาก็ถูกขยักไว้ เพราะปัญหาเรื่องคุณสมบัติ กระทั่งนายใหญ่สั่งลุยดันเข้าระลอกสอง จนได้เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ ได้เกือบเดือน 

สุดท้ายหนีไม่พ้นบ่วงกรรม ผลพวงจากถุงขนมสองล้านบาท ตามหลอกหลอน กระแทกไปถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีด้วย เลยต้องตัดตอน หวังให้ศาลรธน.จำหน่ายคดี แต่สายไปแล้ว 

การลาออกของ นายพิชิต อาจส่งผลให้เรื่องของ นายพิชิต เอง ถูกจำหน่ายออกไป แต่ปัญหาของ นายเศรษฐา ซึ่งเป็นผู้ถูกร้องที่ 1 ยังไม่หมดไป เพราะความผิดของ นายเศรษฐา สำเร็จไปแล้ว จากการตัดสินใจแต่งตั้ง นายพิชิต เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ 

ท่ามกลางเสียงทักท้วงอย่างต่อเนื่อง แต่ นายเศรษฐา ก็ไม่รับฟัง  ยังคงนำชื่อขึ้นกราบบังคมทูลฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอีก จึงถือเป็นความรับผิดชอบของ นายเศรษฐา ซึ่งตามคำร้องระบุข้อกล่าวหาไว้

นายเชาว์ ยังได้หยิบยกส่วนหนึ่งในคำร้องของ 40 สว. ที่เกี่ยวข้องกับ นายเศรษฐา ระบุว่า กระทำการโดยอาจมีเจตนาไม่สุจริต เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ นายพิชิต ด้วยการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ด้วยการเลี่ยงและบิดเบือนข้อเท็จจริงในการให้ข้อมูลแก่สังคมและประชาชน ทำให้เข้าใจผิดว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบคุณสมบัติของ นายพิชิตเรียบร้อยแล้ว 

การกระทำของ นายเศรษฐา จึงเป็นการกระทำด้วยความไม่ซื่อสัตย์สุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ มีพฤติกรรมที่รู้เห็นและยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เป็นการกระทำที่ขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นการคบค้าสมาคมกับผู้มีความประพฤติ หรือ ผู้มีชื่อเสียงในทางเสื่อมเสีย อันอาจกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่

"ดังนั้นคำร้องในส่วนนี้จึงยังคงอยู่ แม้ นายพิชิต จะลาออกไปแล้ว ในความเห็นส่วนตัวของผมคิดว่า ไม่ได้ทำให้ นายเศรษฐา สบายตัวพ้นข้อกล่าวหาแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าในวันที่ 23 พ.ค.นี้ ศาลรธน.อาจจำหน่ายคดีเฉพาะส่วนของ นายพิชิต เพราะไม่มีเหตุให้วินิจฉัยแล้ว เนื่องจากเจ้าตัวลาออก 

แต่ของ นายเศรษฐา ยังน่าจะพิจารณาต่อว่า พฤติกรรมเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เรียกว่า มีหนาวครับงานนี้ หนาวแรก ก็ต้องลุ้นถ้าศาล รธน.รับไว้พิจารณา จะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ หรือ รับไว้พิจารณา ไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ยังนอนใจไม่ได้ เพราะอำนาจอาจหลุดมือได้ทุกขณะ ตามใจ นายใหญ่ ไม่เกรงใจประชาชน มีราคาที่ต้องจ่ายแบบนี้แหละครับ" นายเชาว์ ระบุ

“เศรษฐา”ทำผิดสำเร็จแล้ว

ส่วน นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊ก เช่นกันในหัวข้อ “ยังไม่จบ” ระบุว่า

“คุณพิชิต ชื่นบาน ลาออกจาก รมต. ก็ยุติตำแหน่งเฉพาะตัวเอง    แต่กรณีร้อง คุณเศรษฐา ด้วยนั้น เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ในกรณี คุณเศรษฐา ทวีสิน ได้กระทำผิดสำเร็จแล้ว เพราะเอาชื่อ นายพิชิต ชื่นบาน ขึ้นทูลเกล้าฯ เรียบร้อยแล้ว กรณีนี้ศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องพิจารณาต่อไป

การลาออกเพื่อตัดตอนไม่ให้ถึงนายกฯ ของ นายพิชิต ชื่นบาน ก็เหมือนตอกย้ำว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ ม.160 จริงๆนั่นเอง

งานนี้ เศรษฐา รอดยาก”

23พ.ค.ลุ้นศาลรธน.ชี้ชะตาเศรษฐา

ขณะที่ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ “ลาออกแล้วจบไหม” ระบุว่า

“ในใจของคนลาออก และคนที่อยากให้เขาลาออกคงอยู่ที่ ลาออกแล้วจบ ตัดไฟต้นลม ศาลจะได้ไม่รับคำร้องของ 40 สว. เศรษฐา ก็ไม่เสี่ยงถูกสั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่ และไม่เสี่ยงถูกวินิจฉัยให้สิ้นสุดการเป็นนายกรัฐมนตรี

เพียงแต่ไฟที่ดับนั้น เป็นไฟต้นลม หรือ เป็นไฟลามทุ่งไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

สิ่งที่เป็นประโยชน์จากกรณีการลาออกของ คุณพิชิต เห็นได้ชัดว่ามีประการเดียว คือ ศาลไม่ต้องสั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่ เพราะเจ้าตัวลาออกไปแล้ว แต่คำร้องและคำขออื่น ๆ ยังคงมีเช่นเดิม

1. คำร้องขอให้ความเป็นรัฐมนตรีของ คุณเศรษฐา สิ้นสุดลง เนื่องจากทูลเกล้าฯ แต่งตั้งคนที่รู้ หรือ ควรจะรู้ว่ามีลักษณะต้องห้าม

2. คำขอให้ศาลสั่ง คุณเศรษฐา ยุติปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย ก็ยังคงอยู่

3. คำร้องให้วินิจฉัยเกี่ยวกับคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของคุณพิชิต ในประเด็นความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และจริยธรรม ก็ยังคงอยู่

ทั้งสามประเด็น ยังเป็นเรื่องที่ต้องลุ้นในวันที่ 23 พ.ค. ว่า ศาลจะรับคำร้องหรือไม่

ภาพกำปั้นที่ชูตอนเช้า กับภาพสองมือที่ชูหนังสือลาออกตอนบ่าย จะเห็นใบหน้าของพิชิตที่ยิ้มแย้มทั้งสองกรณี

เพราะคนที่ต้องระทึกใจต่อจากนี้ คือ เศรษฐา ทวีสิน ไม่ใช่ พิชิต เพราะ พิชิต ชื่นบาน ไปแล้ว”

ทั้งหมดคือ ความเห็นของนักกฎหมาย และ นักวิเคราะห์ทางการเมือง

ส่วน “ศาลรัฐธรรมนูญ” จะจำหน่ายคดีของ พิชิต ชื่นบาน หรือ “รับคำร้อง” ของ 40 สว. ไว้วินิจฉัยถอดถอน นายกฯ เศรษฐา และ พิชิต ต่อไปหรือไม่ 

ช่วงเที่ยงๆ 23 พ.ค.นี้ คงได้รู้กัน...