วันนี้ (28 มิ.ย.67) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม แสดงความเห็นถึงมติคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่ออกมาเห็นชอบกับคำสั่งให้ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ออกจากราชการไว้ก่อน ชอบด้วยกฎหมาย ว่า มองว่ามีความลักลั่น เพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2 หน่วยงานให้ความเห็นไม่ตรงกัน ทั้งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และ ก.ตร.
“การเมืองไทยมี 2 มาตรฐาน กฎหมายจะไม่เหมือนกันได้อย่างไร ในเมื่อเขียนมาเป็นตัวบทเดียวกัน แต่ดันแปลความไม่เหมือนกัน แบบนี้แปลว่า ใครเป็นพวกใครมากกว่า”
ส่วนที่นายกฯ ระบุว่า มติ ก.ตร.ยังไม่สิ้นสุด ต้องให้คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) พิจารณา และรออีก 30 วัน นายษิทรา ชี้ว่า เป็นการดึงเวลาออกไป แทนที่จะคืนความเป็นธรรมให้ พล.ต.อ.สุรเชษ์ ได้เร็ว กลับต้องรอ ก.พ.ค.ตร. ซึ่งไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกกี่เดือน กี่ปี หากผลออกมาใน 30 วัน ยังพอรับได้ แต่หากเกินจากนี้ หรือ ขยายไปเรื่อยๆ ก็เป็นการดึงเวลา ซึ่งดูจาก ก.ตร.แล้ว น่าจะเกิดการหักดีลกันแล้ว ไม่ทำตามที่ตกลง
นายษิทรา ยังกล่าวถึงกระแสข่าวว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. จะลาออกเพื่อเปิดทางให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ว่า ก่อนจะลาออก ก็ต้องคืนตำแหน่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก่อน หากเป็นไปตามดีล ซึ่งใครๆ ก็รู้ ข้าราชการตำรวจก็ทราบกันดีว่า มีการพูดคุยอะไรกันไว้บ้าง ส่วนตัวไม่ได้ร่วมดีลด้วย การหักดีลก็เท่ากับว่า มีคนโดนหลอก แต่ตนไม่ได้โดนหลอกเพราะไม่ได้ไปร่วมด้วย ตนยังแฉอยู่
เมื่อถามถึงกระแสข่าวโยก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ไปนั่งเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย นายษิทรา กล่าวว่า เรื่องนี้ตนคิดว่าไม่สำเร็จ เพราะ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ไม่โอเคก็จบ ส่วนหากจะย้าย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ก็ต้องเป็นตำแหน่งที่สูงกว่าตำแหน่งมหาดไทย คนดีๆ ก็ต้องทำงานดีๆ
“เรื่องนี้ประเทศชาติเสียหมด เพราะมีการดีลตกลงผลประโยชน์กันให้ลงตัว ส่วนเรื่องกฎหมายจะเป็นอย่างไร ความยุติธรรมจะเป็นอย่างไรไม่เคยคิดกันเลย คิดแต่เรื่องสมประโยชน์กันของพวกผู้บริหารระดับสูง หรือพวกที่มีอำนาจ”
นายษิทรา ยังกล่าวถึงการยื่นหนังสือให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสอบ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กรณีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ ปกปิดทรัพย์สินไม่ยื่นการครอบครองบ้านพักที่ประเทศอังกฤษ ว่า ไม่มีสัญญาณตอบรับ เคยบอกแล้วว่า เรื่องนี้เป็นผลประโยชน์ทับซ้อน
“ที่คนระดับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติถูกดำเนินคดี แล้วให้ลูกน้องทำงานเป็นผู้ตรวจสอบ จึงไม่มีใครกล้าดำเนินการ ผมคิดว่าตอนนี้สำนวนน่าจะถูกแช่แข็งเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ไปยื่นเรื่องให้เป็นเชิงสัญลักษณ์ เพื่อให้นายกฯ ได้เห็นว่า ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งผมเรียกร้องมานานแล้วว่า ให้มีการเปิดเผยผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่จนกระทั่งปัจจุบันยังไม่มีใครออกมาเปิดเผย
เพราะหากตรวจสอบแล้ว พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ น่าจะพัวพัน ปรากฏว่า นายกฯ ให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กลับมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายกฯ อาจจะมีความผิดในเรื่องจริยธรรมร้ายแรงได้”
อย่างไรก็ตาม หากมีผลการตรวจสอบออกมา และนายกฯ มีความผิด ก็จะไปร้องสำนักงานคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป