เปิดเบื้องหลัง มติเอกฉันท์ "บิ๊กโจ๊ก" ออกจากราชการซ้ำ ชี้ จบที่ "ก.พ.ค.ตร."

27 มิ.ย. 2567 | 06:28 น.

อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการ ก.พ.ร. - ก.ตร. เปิดเบื้องหลัง มติเอกฉันท์ 12 ต่อ 0 ยืนยัน คำสั่ง บิ๊กโจ๊ก ออกจากราชการ แจง หัก ความเห็นกฤษฎีกา คณะที่ 2 - อำนาจชี้ขาด อยู่ที่ ก.พ.ค.ตร.

วันที่ 27 มิถุนายน 2567 น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ในฐานะคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) และเป็น 1 เสียงใน 12 ต่อ 0 เสียงที่เห็นชอบคำสั่ง 177/2567 ลงวันที่ 18 เม.ย.2567 แต่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยข้าราชการตำรวจ และคำสั่ง 178/2567 ให้ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ออกจากราชการไว้ก่อนเป็นไปตามระเบียบและขั้นตอนการออกคำสั่ง กล่าวว่า เราไม่ได้พูดว่าคำสั่งถูกหรือไม่ถูก หน้าที่ของการพิจารณาทางวินัย ดูว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือกฎระเบียบหรือไม่

เมื่อถามว่า ได้นำความเห็นทางกฎหมายของคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 2 ที่มีนายวิษณุ เครืองาม เป็นประธาน ที่ให้ความเห็นว่า คำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ถูกต้องมาพิจารณาด้วยหรือไม่ น.ส.อ้อนฟ้า กล่าวว่า อยู่ในเอกสารการประชุมของ ก.ตร. ซึ่งเจ้าหน้าที่ของฝ่ายเลขานุการ ก.ตร.ได้ชี้แจงขั้นตอนและแนวปฏิบัติที่ผ่านมาทั้งหมด ว่า ได้ดำเนินตามหลักเกณฑ์ถูกต้องแล้ว

นอกจากนั้นยังมีการนำกรณีออกคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจออกราชการที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มาชี้แจงในที่ประชุม ก.ตร. ซึ่งมีทั้งที่ดำเนินการตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับเก่า และพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ฉบับใหม่ ปี 2565 โดยมีกฎ ก.ตร.รองรับ 

“มีการถามในที่ประชุมมีการซักถามทั้งสองมาตรา คือ มาตรา 120 และมาตรา 131 ซึ่งที่ประชุม ก.ตร.คุยกันนานมาก ซักกันทุกคน แทบไม่มีใครไม่ซัก”

เมื่อถามว่า หลังจากนี้รอเพียงคำสั่งชี้ขาดของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) น.ส.อ้อนฟ้ากล่าวว่า อำนาจอยู่ที่ ก.พ.ค.ตร. ส่วน ก.ตร.พิจารณาตามกรอบของวินัย แต่อำนาจที่จะบอกว่า ชอบหรือไม่ชอบอยู่ที่ ก.พ.ค.ตร.ซึ่งเปรียบเสมือนคนที่ดูความยุติธรรม

เมื่อถามว่า ถ้า ผลของ ก.พ.ค.ตร.ออกมาว่า คำสั่งให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ออกจากราชการไม่ชอบจะส่งผลให้คำสั่งให้ตำรวจออกราชการไปก่อนหน้านี้ไม่ชอบทั้งหมดหรือไม่ น.ส.อ้อนฟ้ากล่าวว่า ไม่ เพราะแต่ละกรณีต้องดูในรายละเอียดการดำเนินการของแต่ละมาตรา