“อลงกรณ์ “ชี้ ปชป.ข้ามขั้วร่วมรัฐบาล ยุติ 2 ทศวรรษ แห่งความแตกแยกของประเทศ

30 ส.ค. 2567 | 06:53 น.
อัพเดตล่าสุด :30 ส.ค. 2567 | 07:03 น.

“อลงกรณ์”ชี้การเข้าร่วมรัฐบาลผสมข้ามขั้วของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการยุติ 2 ทศวรรษแห่งความขัดแย้ง และความแตกแยกของประเทศ ถือเป็นการสิ้นสุดอดีตที่ขมขื่น และเริ่มต้นวันใหม่ของประเทศ

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ โพสต์ข้อความทางการเมืองในเฟซบุ๊กส่วนตัววันนี้(30 ส.ค. 2567) เกี่ยวกับประเด็นการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีข้อความว่า

มติการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์คือกุญแจดอกสุดท้ายที่เปิดอนาคตใหม่ให้กับประเทศ เพราะเป็นการยุติการต่อสู้ทางการเมืองที่ร้ายแรงที่สุด และรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่กินเวลายาวนานถึง 20 ปี เป็น  2 ทศวรรษแห่งความขัดแย้งที่ต่อสู้กันทั้งในและนอกสภาฯ แบ่งแยกประชาชนเป็นฝักฝ่าย นำไปสู่การสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐระหว่างเดือนตุลาคมปี 2551-พฤษภาคม 2553 ล้มตายกว่า 100 คนและบาดเจ็บเกือบ 3 พันคน

นอกจากนี้ยังมีการรัฐประหารสูญเสียประชาธิปไตยถึง 2 ครั้งในปี 2549 และปี 2557 นับเป็นบาดแผลความขัดแย้งที่กว้างและลึกที่แม้แต่รัฐบาลในอดีตไม่ว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์-ยิ่งลักษณ์-พล.อ.ประยุทธ์ จะพยายามสร้างความสมานฉันท์ปรองดองก็ไม่ประสบความสำเร็จและไม่มีใครตอบได้ว่าความขัดแย้งแตกแยกดังกล่าวจะสิ้นสุดลงเมื่อใด

จนกระทั่งเมื่อมีการร่วมจัดตั้งรัฐบาลผสมระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรครวมไทยสร้างชาติ(พล.อ.ประยุทธ์) และพรรคพลังประชารัฐ(พล.อ.ประวิตร)ภายหลังการเลือกตั้งปี 2566 ซึ่งถือเป็นกุญแจดอกแรกที่เปิดประตูความร่วมมือข้ามขั้วระหว่าง 2 ฝ่ายเพื่อยุติความขัดแย้ง

ก่อนที่กุญแจดอกสุดท้ายจะเกิดขึ้นเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลผสมข้ามขั้วเมื่อวานนี้ เป็นการสิ้นสุดอดีตที่ขมขื่นและเริ่มต้นวันใหม่ของประเทศ

“ผมได้แต่หวังว่า ทุกฝ่ายจะเรียนรู้ความผิดพลาดทางการเมืองในอดีตอย่าให้ประวัติศาสตร์กลับมาซ้ำรอยเดิม การยึดมั่นระบบรัฐสภาภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขการยึดถือหลักนิติรัฐนิติธรรมความซื่อสัตย์สุจริตและการยึดประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้งคือแนวทางที่ประเทศและการเมืองไทยจะก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและมีอนาคต” นายอลงกรณ์ กล่าว