นพ.นิยม วิวรรธนดิฐกุล สส. พรรคเพื่อไทย จังหวัดแพร่ ประธานคณะกรรมาธิการ เปิดเผยว่า หลังจากได้มีการประชุมและพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย พบว่าปัจจุบันมีบุหรี่ไฟฟ้าได้มีการระบาดอยู่ในกลุ่มเด็กและเยาวชนอย่างมากมาย โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าแบบน้ำยา Vape เพราะมีราคาถูกหาซื้อง่าย มีกลิ่น มีรส ให้เลือกมากมาย
ซึ่งทางคณะกรรมการเห็นว่าเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ เกิดธุรกิจใต้ดินมีการลักลอบนำเข้า และขายบุหรี่ไฟฟ้าโดยเฉพาะในสื่อออนไลน์ โดยคาดว่าน่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 6-7 พันล้านบาทต่อปี และทำให้การจำหน่ายบุหรี่ของการยาสูบแห่งประเทศไทยก็ลดลงอย่างมาก ทำให้รัฐขาดรายได้จากภาษี กระทบถึงเกษตรชาวไร่ยาสูบ
อย่างไรก็ดี ประเด็นสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าว คือกฎหมายที่มีอยู่เริ่มล้าสมัยและขาดความชัดเจน เกิดช่องว่างในการปฏิบัติงาน และที่สำคัญคือการละเว้นปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจใต้ดิน ซึ่งรายงานฉบับที่ 1 ที่ได้เสนอต่อสภานี้
คณะกรรมาธิการได้ศึกษาและรวบรวมข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ทั้งปฐมภูมิและทุติยภูมิเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า ให้เหมาะสมกับบริบทความเป็นจริงในประเทศไทย โดยไม่ได้มีการลงมติว่าจะเลือกแนวทางใดแนวทางหนึ่ง แต่เป็นการเสนอแนวทางที่มีความเป็นไปได้ และการพัฒนาปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นการป้องกันการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าของเด็กและเยาวชน เป็นการกำหนดนิยามที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน เพื่อเป็นแนวทางให้รัฐบาลเลือกใช้ในอนาคต
สส.เพื่อไทย ปชน. หนุนรายงาน กมธ. บุหรี่ไฟฟ้า ก่อนสภาฯ มีมติรับทราบ
“ทั้งหมดนี้ฝ่ายบริหารจะเป็นผู้ตัดสินใจ โดยต้องตระหนักว่าบุหรี่ทุกชนิดรวมถึงบุหรี่ไฟฟ้า เป็นผลิตภัณฑ์ทำลายสุขภาพ การปกป้องสุขภาพจึงมีความสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ การปกป้องเด็ก และเยาวชนของเรา ไม่ให้เข้าถึงผลิตภัณฑ์เหล่านี้อย่างถึงที่สุด”
สำหรับวาระดังกล่าวนี้มี สส. หลายรายเข้าชื่อร่วมอภิปรายเพื่อแสดงความคิดเห็น ตั้งข้อสังเกต และให้ข้อเสนอแนะในหลากหลายประเด็น เช่น พิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งก่อผลกระทบด้านลบต่อสุขภาพจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในระยะยาว การระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งเข้าไปในโรงเรียนและสถานศึกษาได้อย่างง่ายดาย
นักเรียนส่วนมากมีความเชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีความอันตราย ไม่ได้เป็นสาเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือดหรือโรคปอด จึงต้องการเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการมีมาตรการป้องกันและจัดการกับบุหรี่ไฟฟ้าให้ดีขึ้น รวมไปถึงเรียกร้องให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จัดการกับร้านค้าบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ที่มีการขายและโฆษณาแอบอ้างสรรพคุณบุหรี่ไฟฟ้าอีกด้วย ควบคู่กับการให้ความรู้ที่ถูกต้องกับเด็กและเยาวชน
นางสาวลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ ส.ส. พรรเพื่อไทย แสดงความคิดเห็นสนับสนุนแนวทางที่ 2 และ 3 คือให้บุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อนเป็นสิ่งที่ถูกควบคุมตามกฎหมาย พร้อมแสดงความชื่นชมรัฐบาลที่กำหนดมาตรการเด็ดขาดปราบปรามบุหรี่ 30 วัน โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าที่เข้าถึงเด็กและเยาวชน
นายปรีติ เจริญศิลป์ ส.ส.นนทบุรี พรรคประชาชน แสดงความคิดเห็นสนับสนุนแนวทางที่ 3 โดยระบุว่า ต้องการเห็นประเทศไทยควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าทุกประเภทให้อยู่ภายใต้กฎหมายแบบมีมาตรการที่เข้มงวด เช่น ห้ามทำบุหรี่ไฟฟ้าเป็นรูปการ์ตูน ห้ามโฆษณา รวมถึงการห้ามสูบในที่สาธารณะ ซึ่งปัจจุบันการแบนบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยถือว่าล้มเหลว พร้อมยกตัวอย่างว่าในต่างประเทศที่มีการแบนบุหรี่ไฟฟ้าเหมือนไทยอย่างประเทศบราซิล อินเดีย สิงคโปร์ จะพบว่า อินเดีย มีประชากรในกลุ่มวัยรุ่นที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 10% หรือสิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเข้มงวดกับการใช้กฎหมายบุหรี่ แต่ก็มีประชากรประมาณ 5.2% ใช้บุหรี่ไฟฟ้าจากตลาดมืด
ประเทศไทยแม้ว่าจะมีมาตรการควบคุมยาสูบที่เข้มข้น ด้วยการขึ้นภาษีอย่างสุดโต่ง ห้ามโฆษณา ห้ามสื่อสารการตลาด ห้ามแสดงสินค้าที่จุดขาย แต่รัฐบาลก็ยังไม่สามารถลดอัตราการสูบบุหรี่ได้ตามเป้าหมาย หากประเทศไทยเปลี่ยนจากการแบนมาเป็นการควบคุมจะส่งผลอย่างชัดเจน 4 ข้อคือ จะมีการกำกับดูแลควบคุมมาตรฐานผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น จะสามารถกำหนดนโยบายปกป้องผู้ที่ไม่สูบบุหรี่เด็กและเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้าได้
แต่ไม่จำกัดสิทธิการสูบของผู้ใหญ่ เพราะปัจจุบันทุกอย่างอยู่ใต้ดินไม่มีการควบคุม หาซื้อได้ทางออนไลน์ รัฐบาลสามารถจัดเก็บภาษีบุหรี่ไฟฟ้าเข้าเป็นรายได้ของรัฐได้อีก เพื่อนำรายได้เหล่านี้ไปสำหรับสนับสนุนโครงการอื่นๆ ที่รัฐวางแผนไว้ และเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ให้กับเกษตรกรชาวไร่ยาสูบกว่า 2 หมื่นครัวเรือน สามารถจะนำเอาใบยาสูบมาสกัดเป็นนิโคติน หรือสกัดผลิตเพื่อส่งออก เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตทางการเกษตรในประเทศ
นายชยนันท์ สิทธิบุศย์ กรรมาธิการ กมธ. ชี้แจงว่ากรรมาธิการทั้ง 35 คน ได้ประชุมกันมาเป็นเวลากว่า 1 ปีจำนวน 39 ครั้ง มีข้อมูลและความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่พร้อมจะรับฟังทุกข้อโต้แย้งและทำงานร่วมกับทุกฝ่าย เพราะการปกป้องเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้าต้องอาศัยความร่วมมือกันอย่างสร้างสรรค์ ไม่สร้างความขัดแย้งกับผู้เห็นต่าง เพราะการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าได้ลุกลามไปทั่วโลกไม่เฉพาะแต่ในประเทศไทย จนเรียกได้ว่าเป็นปัญหาด้านสาธารณะสุขระดับโลก
ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายเฉพาะสำหรับบุหรี่ไฟฟ้า จึงต้องการฝากไปยังรัฐบาลและสังคมโดยรวมมว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะมี พรบ. เฉพาะสำหรับเรื่องนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับรายงานและข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ โดยไม่มีผู้คัดค้าน หลังจากรับฟังการอภิปรายของสมาชิกฯ ซึ่งมีความเห็นสอดคล้องกัน ประธานฯ จึงใช้อำนาจตามข้อบังคับฯ ถามที่ประชุม และเมื่อไม่มีผู้เห็นแย้ง ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบและส่งรายงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป