เกิดสัญญาณอันตรายในตลาดเงินเอเชีย! ค่าเงิน "รูเปียห์" อินโดนีเซียร่วงแรงทะลุจุดต่ำสุดในรอบ 25 ปี จนแบงก์ชาติอินโดฯ ต้องออกโรงแทรกแซงตลาดเงินสด พันธบัตร และสัญญาล่วงหน้าแบบ "ลงจากเสือไปขี่เสือ" ท่ามกลางแรงกดดันจากปัจจัยการเมือง การคลัง และเงินทุนไหลออก
25 มี.ค. 2568 - รอยเตอร์รายงานว่า ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (Bank Indonesia) ดำเนินมาตรการแทรกแซงตลาดเงินตราต่างประเทศอย่างเข้มข้นเมื่อวันอังคาร หลังจากค่าเงินรูเปียห์อ่อนค่าลงอย่างมีนัยสำคัญ แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินเอเชีย ท่ามกลางความกังวลด้านการเมือง นโยบายการคลัง และการไหลออกของเงินทุนต่างชาติ
ข้อมูลจากตลาดเงินระบุว่า ค่าเงินรูเปียห์อ่อนตัวลงถึง 0.54% สู่ระดับ 16,640 รูเปียห์ต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้า ซึ่งเข้าใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 16,800 รูเปียห์ต่อดอลลาร์ ที่เกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน 2541 ช่วงวิกฤตการเงินเอเชีย ตามข้อมูลจาก LSEG
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางอินโดนีเซียเปิดเผยต่อสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ธนาคารกลางได้เข้าแทรกแซงในตลาดเงินสด ตลาดพันธบัตร และในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ไม่มีการส่งมอบในประเทศ (domestic non-deliverable forwards) เพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงิน
ในช่วงเวลา 05.15 น. ตามเวลาสากล (GMT) ค่าเงินรูเปียห์ได้ปรับตัวดีขึ้นบางส่วน มาอยู่ที่ 16,590 รูเปียห์ต่อดอลลาร์ หลังจากการแทรกแซงของธนาคารกลาง
ฟิตรา จุสดิมัน ผู้อำนวยการฝ่ายการบริหารสินทรัพย์ทางการเงินและหลักทรัพย์ของธนาคารกลางอินโดนีเซีย อธิบายว่า "ความไม่แน่นอนในตลาดโลกยังคงมีความเกี่ยวข้องกับผลกระทบจากนโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์และความไม่สงบทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงผลกระทบของสงครามการค้าต่อจีนและประเทศตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย"
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ดำเนินการเก็บภาษีกับประเทศคู่ค้าหลักแล้ว รวมถึงจีน เม็กซิโก และแคนาดา และยังประกาศว่าจะเก็บภาษีเพิ่มเติมในช่วงต้นเดือนหน้า
นอกจากนี้ อุปสงค์เงินตราต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นจากตลาดในประเทศเพื่อวัตถุประสงค์ในการส่งเงินกลับและการชำระเงินระหว่างประเทศ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้รูเปียห์อ่อนค่าลงในวันอังคาร ตามคำชี้แจงของเอดี ซูเซียนโต หัวหน้าฝ่ายบริหารการเงินของธนาคารกลางอินโดนีเซีย
ธนาคารกลางอินโดนีเซียได้เข้าแทรกแซงในตลาดเงินตราต่างประเทศอย่างต่อเนื่องทุกเดือนในปีนี้ เพื่อบรรเทาแรงกดดันต่อค่าเงิน
อย่างไรก็ตาม รูเปียห์ยังคงอ่อนค่าลงประมาณ 3% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ ท่ามกลางการถอนเงินลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ของนักลงทุนต่างชาติจากตลาดหุ้นอินโดนีเซีย
ความกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการคลังของประเทศยังคงมีอยู่ หลังจากรายได้ของรัฐอยู่ในระดับต่ำในช่วงต้นปี ในขณะที่รัฐบาลวางแผนการใช้จ่ายขนาดใหญ่เพื่อให้บรรลุการเติบโตทางเศรษฐกิจ 8% ภายในปี 2572
นักวิเคราะห์ชี้ว่า การขาดการสื่อสารที่ชัดเจนจากทางการเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการคลังและโครงการการใช้จ่ายเป็นปัจจัยที่เพิ่มความกังวลของนักลงทุน
ราดิกา เรา นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคาร DBS ให้ความเห็นว่า "แนวทางการสื่อสารที่ชัดเจนจากทางการเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการคลังและนโยบายที่สนับสนุนการเติบโตอาจช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นในระยะสั้นได้"
เรียวตะ อาเบะ นักเศรษฐศาสตร์จาก SMBC คาดการณ์ว่า รูเปียห์จะยังคงมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่องก่อนถึงช่วงวันหยุดยาว 11 วันในอินโดนีเซียเพื่อเฉลิมฉลองวันอีดอัลฟิตร์ ซึ่งจะเริ่มในช่วงปลายสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจอาจยังคงอยู่ในภาวะที่ท้าทายหากธนาคารกลางอินโดนีเซียยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงที่ 5.75% เพื่อปกป้องเสถียรภาพของค่าเงิน
ชินตา กัมดานี ประธานสมาคมนายจ้างอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ภาคธุรกิจได้ปรับตัวรับมือกับรูเปียห์ที่อ่อนค่าตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยการลดการนำเข้าวัตถุดิบเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
สถานการณ์นี้ถือเป็นสัญญาณเตือนสำหรับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ควรติดตามพัฒนาการในตลาดการเงินอย่างใกล้ชิด