thansettakij
"รูเปียห์" ร่วงหนักสุด 25 ปี ซ้ำรอยวิกฤตต้มยำกุ้ง "แบงก์ชาติอินโดฯ" เร่งแทรกแซง

"รูเปียห์" ร่วงหนักสุด 25 ปี ซ้ำรอยวิกฤตต้มยำกุ้ง "แบงก์ชาติอินโดฯ" เร่งแทรกแซง

25 มี.ค. 2568 | 13:06 น.
อัปเดตล่าสุด :25 มี.ค. 2568 | 13:25 น.

ค่าเงินรูเปียห์อินโดฯ ร่วงหนักสุดในรอบ 25 ปี แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วิกฤตต้มยำกุ้ง แบงก์ชาติเร่งแทรกแซงตลาดเงิน ท่ามกลางแรงกดดันจากนโยบายภาษีทรัมป์ ปัญหาการคลัง และเงินทุนไหลออก

เกิดสัญญาณอันตรายในตลาดเงินเอเชีย! ค่าเงิน "รูเปียห์" อินโดนีเซียร่วงแรงทะลุจุดต่ำสุดในรอบ 25 ปี จนแบงก์ชาติอินโดฯ ต้องออกโรงแทรกแซงตลาดเงินสด พันธบัตร และสัญญาล่วงหน้าแบบ "ลงจากเสือไปขี่เสือ" ท่ามกลางแรงกดดันจากปัจจัยการเมือง การคลัง และเงินทุนไหลออก

25 มี.ค. 2568 - รอยเตอร์รายงานว่า ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (Bank Indonesia) ดำเนินมาตรการแทรกแซงตลาดเงินตราต่างประเทศอย่างเข้มข้นเมื่อวันอังคาร หลังจากค่าเงินรูเปียห์อ่อนค่าลงอย่างมีนัยสำคัญ แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินเอเชีย ท่ามกลางความกังวลด้านการเมือง นโยบายการคลัง และการไหลออกของเงินทุนต่างชาติ

รูเปียห์อ่อนค่าใกล้จุดต่ำสุดประวัติการณ์

ข้อมูลจากตลาดเงินระบุว่า ค่าเงินรูเปียห์อ่อนตัวลงถึง 0.54% สู่ระดับ 16,640 รูเปียห์ต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้า ซึ่งเข้าใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 16,800 รูเปียห์ต่อดอลลาร์ ที่เกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน 2541 ช่วงวิกฤตการเงินเอเชีย ตามข้อมูลจาก LSEG

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางอินโดนีเซียเปิดเผยต่อสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ธนาคารกลางได้เข้าแทรกแซงในตลาดเงินสด ตลาดพันธบัตร และในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ไม่มีการส่งมอบในประเทศ (domestic non-deliverable forwards) เพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงิน

ในช่วงเวลา 05.15 น. ตามเวลาสากล (GMT) ค่าเงินรูเปียห์ได้ปรับตัวดีขึ้นบางส่วน มาอยู่ที่ 16,590 รูเปียห์ต่อดอลลาร์ หลังจากการแทรกแซงของธนาคารกลาง

ปัจจัยกดดันจากนโยบายการค้าและสถานะการคลัง

ฟิตรา จุสดิมัน ผู้อำนวยการฝ่ายการบริหารสินทรัพย์ทางการเงินและหลักทรัพย์ของธนาคารกลางอินโดนีเซีย อธิบายว่า "ความไม่แน่นอนในตลาดโลกยังคงมีความเกี่ยวข้องกับผลกระทบจากนโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์และความไม่สงบทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงผลกระทบของสงครามการค้าต่อจีนและประเทศตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย"

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ดำเนินการเก็บภาษีกับประเทศคู่ค้าหลักแล้ว รวมถึงจีน เม็กซิโก และแคนาดา และยังประกาศว่าจะเก็บภาษีเพิ่มเติมในช่วงต้นเดือนหน้า

นอกจากนี้ อุปสงค์เงินตราต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นจากตลาดในประเทศเพื่อวัตถุประสงค์ในการส่งเงินกลับและการชำระเงินระหว่างประเทศ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้รูเปียห์อ่อนค่าลงในวันอังคาร ตามคำชี้แจงของเอดี ซูเซียนโต หัวหน้าฝ่ายบริหารการเงินของธนาคารกลางอินโดนีเซีย

มาตรการรับมือของธนาคารกลางและภาคธุรกิจ

ธนาคารกลางอินโดนีเซียได้เข้าแทรกแซงในตลาดเงินตราต่างประเทศอย่างต่อเนื่องทุกเดือนในปีนี้ เพื่อบรรเทาแรงกดดันต่อค่าเงิน

อย่างไรก็ตาม รูเปียห์ยังคงอ่อนค่าลงประมาณ 3% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ ท่ามกลางการถอนเงินลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ของนักลงทุนต่างชาติจากตลาดหุ้นอินโดนีเซีย

ความกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการคลังของประเทศยังคงมีอยู่ หลังจากรายได้ของรัฐอยู่ในระดับต่ำในช่วงต้นปี ในขณะที่รัฐบาลวางแผนการใช้จ่ายขนาดใหญ่เพื่อให้บรรลุการเติบโตทางเศรษฐกิจ 8% ภายในปี 2572

นักวิเคราะห์ชี้ว่า การขาดการสื่อสารที่ชัดเจนจากทางการเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการคลังและโครงการการใช้จ่ายเป็นปัจจัยที่เพิ่มความกังวลของนักลงทุน

ราดิกา เรา นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคาร DBS ให้ความเห็นว่า "แนวทางการสื่อสารที่ชัดเจนจากทางการเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการคลังและนโยบายที่สนับสนุนการเติบโตอาจช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นในระยะสั้นได้"

แนวโน้มในระยะสั้น

เรียวตะ อาเบะ นักเศรษฐศาสตร์จาก SMBC คาดการณ์ว่า รูเปียห์จะยังคงมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่องก่อนถึงช่วงวันหยุดยาว 11 วันในอินโดนีเซียเพื่อเฉลิมฉลองวันอีดอัลฟิตร์ ซึ่งจะเริ่มในช่วงปลายสัปดาห์นี้

นอกจากนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจอาจยังคงอยู่ในภาวะที่ท้าทายหากธนาคารกลางอินโดนีเซียยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงที่ 5.75% เพื่อปกป้องเสถียรภาพของค่าเงิน

ชินตา กัมดานี ประธานสมาคมนายจ้างอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ภาคธุรกิจได้ปรับตัวรับมือกับรูเปียห์ที่อ่อนค่าตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยการลดการนำเข้าวัตถุดิบเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน

สถานการณ์นี้ถือเป็นสัญญาณเตือนสำหรับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ควรติดตามพัฒนาการในตลาดการเงินอย่างใกล้ชิด