การเปิดตัว บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีขึ้นเมื่อค่ำวันที่ 9 ม.ค.2565 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ท่ามกลางกองเชียร์ แฟนคลับ ฐานเสียงของนักการเมืองมากกว่า 10,000 คน เข้าร่วมงาน
ขณะที่บรรดานักการเมือง ส.ส. อดีต ส.ส. ที่สนับสนุน “บิ๊กตู่” ให้ได้เป็นนายกฯ สมัย 3 ก็ปรากฏตัวแสดงพลังอย่างพร้อมเพรียง โดยมาจาก 4 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พลังประชารัฐ (พปชร.) ประชาธิปัตย์ (ปชป.) พลังท้องถิ่นไท และ พรรครวมพลัง รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 30 คน
“วันนี้ที่มายืนตรงนี้ เพราะผมเคารพในกระบวนการประชาธิปไตยของประเทศไทย ไม่ได้มาเพราะอยากอยู่ต่อ แต่อยากพูดกับทุกคนว่าประเทศไทยต้องไปต่อ บนพื้นฐาน ความมีศักยภาพ ความมั่นคง เพื่อเดินหน้าสู่การเมืองที่เป็นประชาธิปไตย ตลอดจนการพัฒนาประเทศ วันนี้ถ้ารวมใจ รวมคนไทย รวมไทยสร้างชาติ ทุกอย่างเราแก้ได้แน่" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเปิดใจภายหลังสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ แบบตลอดชีพ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงเหตุผลที่ไปต่อและต้องสังกัดพรรคการเมืองว่า เพราะไม่สามารถแก้คนเดียว ต้องมีทีมงานที่เรียกว่าพรรคการเมือง หลายคนหาว่าไม่เคารพกระบวนการ วันนี้จำเป็นด้วยเหตุผลประเทศไทยต้องไปต่อสู่อนาคตที่มั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืน จึงตัดสินใจเข้าพรรค ซึ่งคิดแล้วคิดอีกมาหลายเดือน
“ย้อนไปตั้งแต่ปี 2562 เราเข้าสู่การเลือกตั้ง แต่มีงานของเราที่ทำไม่จบ ผมจึงจำเป็นก้าวมาสู่ตรงนี้ หลายอย่างต้องทำต่อ ทำใหม่ ทำเพิ่ม ทำอย่างไรให้เดินหน้าไปให้ได้ และในเมื่อตัดสินใจทางการเมืองร่วมกับพรรคนี้ หวังว่ามีโอกาสทำเรื่องต่างๆได้”
ดังนั้นงานที่ตนจำเป็นต้องทำต่อจำเป็นต้องมายืนตรงนี้ ประเทศไทยไม่ใช่ของใคร แต่เป็นของพวกเราทุกคน เราทุกคนถึงต้องมายืนตรงนี้ในนาม “รวมไทยสร้างชาติ” เป็นสิ่งที่ตนตัดสินใจมายืนตรงนี้ แม้เหนื่อยเครียดก็พยายามอดทน เพื่อทำสิ่งที่ดีกว่า แต่ไม่ใช่ตนพูดแล้วจะได้เลย ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่เสียงของประชาชนตัดสินใจ
ในช่วงท้ายของงาน พล.อ.ประยุทธ์ ได้นำร้องเพลงศรัทธา ของวงหินเหล็กไฟ พร้อมตะโกนดังๆว่า “รวมไทยสร้างชาติ”
งานหิน“บิ๊กตู่-รทสช.”
หลัง พล.อ.ประยุทธ์ เปิดตัวสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ก้าวเข้าสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัว และพร้อมเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพื่อชูธงในการหาเสียง ต้องติดตามดู เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาแล้ว จะสามารถกวาดที่นั่งส.ส.ได้เกิน 25 เสียง เพื่อให้เพียงพอในการเสนอชื่อชิงเก้าอี้ “นายกฯ สมัย 3” ในสภาฯ หรือไม่
เพราะปัจจุบันเท่าที่เห็น ยังไม่มี ส.ส.เขตระดับ “เกรดเอ” ที่จะเบาใจได้ว่าจะชนะเลือกตั้งได้เข้ามาเป็น ส.ส. จะมีก็แต่อดีตส.ส.แถว 2-3
นอกจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ และรวมไทยสร้างชาติ จะทำอย่างไรที่จะให้พรรคชนะเลือกตั้งได้ส.ส.เข้าป้าย มาเป็นอันดับ 3 ให้ได้ เพราะสถานการณ์ขณะนี้ เบอร์ 1 คาดว่าจะเป็น “เพื่อไทย” ที่ได้ส.ส.เข้ามานำโด่งแน่ๆ
ตามด้วย “ภูมิใจไทย-พลังประชารัฐ” ที่อาจจะเข้ามาเป็นอันดับ 2-3 แล้ว รวมไทยสร้างชาติ จะได้ส.ส.เข้ามาเป็นอันดับที่เท่าไหร่ ถึงจะมีโอกาสจับมือจัดตั้งรัฐบาลได้
และถึงแม้ รวมไทยสร้างชาติ จะได้ส.ส.เข้าสภาเกิน 25 เสียง ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ อีกสมัย เพราะต้องดูว่าพรรคพันธมิตรที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่ละพรรคได้ส.ส.กันมากี่เสียง และรวมกันแล้ว จะมากกว่าฝั่งของ “เพื่อไทย-ก้าวไกล” เกิน 250 เสียงหรือไม่
นอกจากนั้นยังต้องดูว่า “พลังประชารัฐ” จะยอมเปิดทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ หรือไม่ แทนที่จะผลักดัน พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค เช่นเดียวกับ พรรคภูมิใจไทยของ อนุทิน ชาญวีรกูล จะเอาด้วยอีกหรือไม่
…นี่คือ “งานหิน” ของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พรรครวมไทยสร้างชาติ
พปชร.ชู“บิ๊กป้อม”นายกฯ
ด้าน นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกมาย้ำถึงการผลักดันให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค พปชร.เป็นนายกฯ คนที่ 30 ว่า “พลังประชารัฐเอาแรงเราเอาใจมาบันดาลแรงที่จะส่ง พล.อ.ประวิตร ไปเป็นนายกฯคนที่ 30 หากเทียบกันง่ายๆ พปชร. คือ ผู้ที่สร้างนายกฯ มาแล้ว ครั้งนี้เราจะสร้างหัวหน้าพรรคของเราให้เป็นนายกฯ คนที่ 30 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่จะต้องทำให้สำเร็จ”
ส่วนการเปิดหน้าของ พล.อ.ประยุทธ์ กับ พรรครวมไทยสร้างชาติ จะเป็นการแข่งกันเองของพี่น้อง 2 ป. หรือไม่ นายวิรัช กล่าวว่า ในทางการเมืองหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ในส่วนความสัมพันธ์ของพี่น้องเป็นเรื่องระหว่าง 2 คน แต่ในส่วนการเมืองก็มีหน้าที่ชูหัวหน้าพรรคของตัวเอง
สำหรับการจะดันหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นนายกฯ แล้วการเลือกตั้งครั้งหน้าตั้งเป้าหมายไว้เท่าไหร่ นายวิรัช ตอบว่า “คำว่ากี่ที่ต้องให้ประชาชนตัดสินใจ แต่ก็เกิน100 อยู่แล้ว”