วันที่ 18 มกราคม 2566 นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคชาติพัฒนากล้า เปิดเผยว่า ในวันที่ 24 ม.ค.นี้ เวลา09.30 น. ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ถนนราชดำริ พรรคชาติพัฒนากล้า นำโดย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรค พร้อมแกนนำพรรค นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค รวมถึงที่ปรึกษาพรรค กรรมการบริหารพรรค หัวหน้าสาขาพรรค ตัวเทนพรรคชาติพัฒนากล้าประจำจังหวัด และสมาชิกพรรคชาติพัฒนากล้า จะได้มีการเสนอนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า ที่ได้จัดทำขึ้นโดยคณะทำงานด้านนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าต่อสื่อมวลชน
เพื่อนำไปเป็นนโนบายในการหาเสียงของพรรคชาติพัฒนากล้าต่อไป โดยใช้ชื่อว่า “รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจให้ทุกคนมีโอกาส เปิดนโยบายพรรคชาติพัฒนากล้า ที่จะทำให้คนไทย “งานดี มีเงิน ของไม่แพง”
ก่อนหน้านั้น นายสุวัจน์ ให้สัมภาษณ์ถึงแนวนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า ว่า แนวคิดของนโยบายที่จะนําเสนอ ทุกคนต้องมีงานทํา จะนําเสนอนโยบายในการที่จะสร้างแพลตฟอร์ม พื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจใหม่ให้กับประเทศ ให้กับพี่น้องประชาชนที่เราเรียกว่า spectrum economy แบ่งเศรษฐกิจตามเฉดสี
เช่น นโยบายเศรษฐกิจสีเขียว ก็จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรมสีเขียว หรือยานยนต์ไฟฟ้า รถไฟฟ้า คาร์บอนเครดิต ที่จะมาสร้างงานใหม่ๆ ให้กับสังคมไทย โดยจะต้องครอบคลุมผลประโยชน์ของทุกอาชีพที่จะได้รับแล้วก็ครอบคลุมทรัพยากรวัตถุดิบที่ประเทศไทยมีอยู่ที่เป็นจุดแข็ง
รวมทั้งในเรื่องของสินค้าเกษตร สินค้าสีเขียว ซึ่งเรายังมีรายได้ไม่เพียงพอ พี่น้องเกษตรกรยังยากจน สินค้าเกษตรราคายังไม่ดีนัก จะทำอย่างไรที่จะนําในเรื่องของการแปรรูปอุตสาหกรรม เทคโนโลยีมาใช้ แล้วเปลี่ยนสินค้าเกษตร แทนที่เราจะส่งเป็นวัตถุดิบอย่างเดี่ยว แต่เปลี่ยนส่งออกให้เป็นสินค้าที่มีมูลค่ามากขึ้น โดยใช้เทคโนโลยี อุตสาหกรรมเข้ามา และทำให้มีผู้ประกอบและคนมีงานทำมากขึ้น
ขณะเดียวกัน เรามีจุดแข็งของประเทศไทยคือ เรื่องของ Soft power วัฒนธรรม อาหาร การท่องเที่ยว อันนี้จะเป็นเศรษฐกิจอีกสีหนึ่งที่จะเป็นเรื่องของการสร้างสรรค์ โดยการใช้พื้นฐานทางด้าน soft power ต่างๆ มาสร้างให้เกิดเศรษฐกิจใหม่ เพื่อสร้างให้เกิดงานใหม่ๆ
ในส่วนของที่เกี่ยวข้องกับนโยบายที่ให้ทุกคนมีเงินนั้น เนื่องจากที่ผ่านมาเราประสบปัญหาเศรษฐกิจ ทุกคนมีหนี้ ทําอย่างไรที่จะจัดการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อให้ทุกคนชะลอการชําระหนี้แล้วก็มีฐานที่จะนําเงินใหม่ๆ เข้ามาเพื่อที่จะได้ไปสร้างอาชีพแล้วก็นํารายได้ใหม่ๆ เข้ามา และเรื่องการปรับโครงสร้างภาษี ให้มีความเหมาะสม ที่ไม่ไปกระทบภาพรวมของรายได้ของประเทศ
แต่ว่าทุกคนจะมีภาระในการจ่ายภาษีน้อยลง คือ การมีเงินมากขึ้น ตอนนี้ทุกท่านประสบปัญหาในเรื่องของสินเชื่อ ที่ผ่านมามีวิกฤตเศรษฐกิจ จ่ายหนี้ไม่ตรงเวลาอะไรบ้างก็คือ ถูกติดแบล็คลิสต์ (Blacklist) ที่เรียกว่า Blacklist บูโร ทําให้โอกาสในการที่จะได้สินเชื่อหรือโอกาสที่จะได้เงินก้อนใหม่มาต่อยอดไม่ได้ เราก็คิดว่าควรที่จะต้องปรับระบบของ Blacklist บูโร ให้เป็น Credit Score (เครดิตสกอริ่ง)
หมายความว่า ยังมีสินเชื่อตามกําลังเครดิตของคุณที่มีอยู่ และในเรื่องของการที่จะสร้างโอกาส ในการที่ทุกคนจะกลายเป็นนักธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้น คือ การสร้างเถ้าแก่ การสร้างโอกาสในการเป็นนักธุรกิจ ใครอยากเป็นลูกจ้าง ใครอยากทํางานก็ทํา แต่ถ้าเกิดคุณอยากจะเป็นนักธุรกิจ เราจะมีโครงสร้างทางธุรกิจ โครงสร้างเรื่องของเงินทุนในการที่จะทําให้ท่านได้ขึ้นมาเป็นนักธุรกิจ และมีงานทำ
และในเรื่องนโยบายของไม่แพงนั้น ตัวหลักที่สําคัญ ที่นําไปสู่ของแพง คือ เรื่องของพลังงาน เพราะพอพลังงานแพง แก๊สแพง แก๊สหุงต้มแพง น้ํามันแพง ก็ทําให้ค่าขนส่งแพง ทําให้วัตถุดิบแพง เป็นต้นทุนให้ผู้ประกอบการ
ฉะนั้น ของจึงแพง ต้องถือว่าพลังงาน คือ ต้นทุนของสินค้า ถ้าทำให้ราคาพลังงานถูก สินค้าก็ราคาถูก ถ้าพลังงานแพง สินค้าก็ราคาแพง ฉะนั้น เราจะนำเสนอนโยบายว่าทำอย่างไร ราคาพลังงานและน้ำมันจะไม่แพง เพื่อแก้ไขปัญหาสินค้าราคาแพง
“ผมคิดว่านโยบายของพรรคชาติกล้า จะสามารถตอบโจทย์ ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบัน และหลังตรุษจีนจะเปิดตัว” นายสุวัจน์ กล่าว