กกต.ชง 3 รูปแบบ ค่าใช้จ่ายหาเสียง รอพรรคการเมืองเคาะ

08 ก.พ. 2566 | 06:07 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ก.พ. 2566 | 07:09 น.

ประธานกกต. พร้อมชง 3 รูปแบบ ค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง เลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ให้พรรคการเมืองเลือก ยันไม่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ ปมคำนวณต่างด้าวรวม

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมหารือกับพรรคการเมืองเพื่อกำหนดจำนวนเงินค่าใช้จ่ายของผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และแบบบัญชีรายชื่อ 

รวมทั้งหารือเรื่องของการติดป้ายประกาศ ติดแผ่นป้ายเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้ง และวิธีการสรรหาผู้สมัครลงรับเลือกตั้งของพรรคการเมือง (ไพรมารีโหวต) เพื่อเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งส.ส. ว่า ในส่วนของค่าใช้จ่ายของผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง กกต.ได้กำหนดตุ๊กตาไว้ รวม 3 รูปแบบ  ดังนี้
 

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง

รูปแบบที่1
กกต.คิดเอง โดยคำนวณกับปัจจัย 7 ประการ ได้แก่ อัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ ดัชนีราคาผู้บริโภค น้ำมันดีเซล ราคาไม้อัดขนาด 4X8 ฟุต หนา 4 มิลลิเมตร กระดาษโปสเตอร์ขนาด 15.5X21.5 (บาทต่อแผ่น) ค่าไวนิลขนาด 1X3 เมตร (บาทต่อผืน) และฟิวเจอร์บอร์ด 130 เซนติเมตร X 3 มิลลิเมตร (บาทต่อแผ่น)

ซึ่งหากสภาฯอยู่ครบวาระ ผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ใช้จ่ายได้คนละ 6.5 ล้านบาท และพรรคการเมืองใช้จ่ายได้ 152 ล้านบาท ส่วนกรณีมีการยุบสภาผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งใช้จ่ายได้คนละ 1.74 ล้านบาท และพรรคการเมืองใช้จ่ายได้ 40.6 ล้านบาท 

รูปแบบที่ 2
เป็นการนำปัจจัย 7 ประการ ไปหารือกับ 3 หน่วยงานทางเศรษฐกิจ ได้แก่กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงพาณิชย์ ทำให้จำนวนค่าใช่จ่ายของผู้สมัครเพิ่มขึ้นกว่าที่กกต.ตั้งตุ๊กตาไว้

รูปแบบที่ 3
เป็นข้อเสนอของ 3 หน่วยงาน ที่เห็นว่าควรคำนวณอัตราเงินเฟ้อรวมเข้าไปด้วย การเสนอทั้ง 3 รูปแบบได้มีการเสนอให้ผู้แทนพรรคการเมืองได้พิจารณาในที่ประชุมวันนี้ ซึ่งพรรคการเมืองได้แสดงความเห็นอย่างหลากหลาย มีทั้งที่เห็นว่าเหมาะสมแล้ว มากเกินไป หรือน้อยเกินไป

โดยกกต.มีแบบสอบถามความเห็นให้พรรคการเมืองได้แสดงความเห็นว่าพึงพอใจรูปแบบใด จากนั้นทำสำนักงานกกต.ก็จะนำความเห็นมาประมวล และส่งให้ที่ประชุมกกต. พิจารณาว่าเท่าใดจึงจะเหมาะสมก่อนที่จะออกประกาศ
 

กรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เห็นว่าควรยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเพื่อเป็นบรรทัดฐาน นายอิทธิพล กล่าวต่อว่า เราเห็นว่าสิ่งที่เราพิจารณาเป็นไปตามข้อกฎหมายแล้ว

เมื่อถามต่อว่า นั่นหมายความว่ากกต.จะไม่มีการยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ตามที่นายวิษณุ เสนอใช่หรือไม่  นายอิทธิพร กล่าวว่า เวลานี้เราไม่ได้คิดอย่างนั้น

ทั้งนี้  สำหรับค่าใช้จ่ายของผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ ในรูปแบบที่ 2 ที่ กกต.มีการนำปัจจัย 7 ประการ ในการคิดคำนวณไปหารือกับ 3 หน่วยงาน พบว่า มีการให้นำดัชนีราคาผู้บริโภค จากปีฐานคือปี 2562 มาคำนวณด้วยซึ่งก็จะทำให้กรณีครบวาระผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขตใช้จ่ายได้คนละ 7 ล้านบาท แบบบัญชีรายชื่อ 163 ล้านบาท

แต่ถ้ายุบสภาแบบแบ่งเขตใช้จ่ายได้คนละ 1.9 ล้านบาท และบัญชีรายชื่อใช้จ่ายได้ 44 ล้านบาท

ส่วนรูปแบบที่ 3 เป็นการคิดจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เฉลี่ยตั้งแต่ปี 2562-2565 จะพบว่าในกรณีอยู่ครบวาระผู้สมัครแบบแบ่งเขต จะใช้ค่าใช้จ่ายได้ 6 ล้านบาท แบบบัญชีรายชื่อ 141 ล้านบาท และ

หากกรณียุบสภาแบบแบ่งเขตสามารถใช้ได้ 1.6 ล้านบาท แบบบัญชีรายชื่อใช้จ่ายได้ 38 ล้านบาท