นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมที่นายกรัฐมนตรีควรจะประกาศยุบสภา ว่า ตนขอไม่เรียนว่าจะเหมาะสมช่วงไหน เพราะเป็นอำนาจของท่านนายกฯ แต่ยังไงก็ยุบสภา หลังวันที่ 23 มี.ค.ไม่ได้ เพราะสภาครบเทอม
“ท่านนายกฯ ยังไม่ได้มาหารืออะไร เพราะเป็นอำนาจท่าน แต่ผมคิดว่าเมื่อถึงเวลาท่านก็คงถามซักคำนึง หรือ อย่างน้อยก็คงจะได้หารือกันซักคำว่ามันจะเป็นอย่างไร แต่ผมเดาใจ ก็คาดว่า ถ้าเป็นไปได้ก็อาจจะต้องเป็นเดือนมีนาคม เพราะในเรื่องของกฎระเบียบอะไรต่อมิอะไรที่จะต้องเตรียมการของ กกต. รวมทั้งในเรื่องของความพร้อมของพรรคการเมืองบางพรรค ก็อาจจะมีผลสำคัญในการนำมาประกอบในการตัดสินใจว่า จะยุบสภาวันไหนด้วย เดาเอา” นายจุรินทร์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่ทั้งในบทบาทนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคการเมือง ในพื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) มองอย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตอบว่า ไม่หวั่นเป็นธรรมดา เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งก็ต้องแข่งกันทุกพรรคการเมือง ประชาธิปัตย์ก็พร้อมลงสนามแข่ง และเตรียมความพร้อมไว้ทั้งหมดแล้ว ทั้งตัวบุคคล นโยบาย ตนก็ยืนยันว่าจะส่งครบทั้ง 400 เขต และบัญชีรายชื่อก็ครบ 100 คน ส่งครบทั้ง 500 คน
สำหรับภาคใต้ หลังจากได้มีการเปิดตัวผู้สมัครทั้ง 58 เขต เป็นพรรคแรกที่นครศรีธรรมราชไป เมื่อวันที่ 11-12 มี.ค. โดยวันที่ 25 มี.ค.นี้ จะมีการปราศรัยใหญ่ในช่วงเย็นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และยังจะมีกิจกรรมอื่นๆ อีกด้วย อย่างใน กรุงเทพมหานคร ก็จะนำทีมประชาธิปัตย์ กทม. ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และในวันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์นี้ พรรคประชาธิปัตย์ก็จะทำการเปิดศูนย์การเลือกตั้ง เขตบางนา เป็นลำดับถัดไป
นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงการทำหน้าที่ทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติในช่วง 2 วันที่ผ่านมาว่า ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างก็ทำหน้าที่ได้ดีทั้งสองฝ่าย อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้เห็นว่า สภายังเป็นเวทีในการเป็นสถานที่สำหรับตรวจสอบรัฐบาลได้อยู่ เพราะจากการที่เป็นห่วงกันว่า การอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 นั้น จะเดินหน้าได้หรือไม่ แต่สุดท้ายก็เดินหน้าได้
โดยประชาธิปัตย์ก็เป็นพรรคหนึ่งที่ยืนยันมาตั้งแต่ต้นว่า เราต้องการให้เกิดสิ่งนี้ขึ้น เนื่องจากรัฐสภาจะเป็นเวทีที่เป็นความหวังของประชาชนในการสะท้อนความต้องการประชาชน และเป็นเวทีในการใช้ตรวจสอบรัฐบาล รวมทั้งเป็นเวทีที่จะให้รัฐบาลได้แถลงผลการทำงาน หรือผลงานต่อประชาชนผ่านรัฐสภาด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีหลายกระทรวงได้เวลาในการโปรโมทผลงานนั้น รองนายกฯ จุรินทร์ กล่าวว่า ตนก็เรียนไปแล้วว่า มันก็ไม่ได้มีด้านเดียวเสมอไป ว่าถ้ามีญัตติอภิปรายทั่วไปเข้ามาแล้ว จะทำให้รัฐบาลถูกตรวจสอบฝ่ายเดียว แต่ก็จะเป็นโอกาสให้รัฐบาลสามารถชี้แจงผลงานการทำงานได้เช่นเดียวกัน
อย่างกระทรวงพาณิชย์ ผมก็สามารถชี้แจงได้ และผมก็มั่นใจว่า อย่างนั้น พร้อมกับได้สะท้อนให้เห็นว่า สิ่งที่ฝ่ายค้านอภิปรายในหลายๆ เรื่อง เช่น การบอกว่าพืชเกษตรตกต่ำทุกตัวนั้น มันไม่เป็นความจริง แต่ราคาดีเกือบทุกตัว มีบางตัวที่บางช่วงเท่านั้นที่ราคาไม่ดี
นอกจากนั้นยังมี “ประกันรายได้ จ่ายเงินส่วนต่าง” เข้าไปชดเชยให้ หากยามใดที่พืชเกษตรราคาไม่ดี ส่วนเรื่องเงินเฟ้อ ประเทศไทยนั้น เมื่อเทียบกับทุกประเทศในโลก เราก็อยู่ระดับที่เฟ้อต่ำมาก ราคาสินค้าก็เริ่มลงแล้ว แม้ชาวบ้านอาจจะรู้สึกว่า ยังอยากให้ราคาถูกกว่านี้ แต่ก็เริ่มทยอยถูกลงแล้ว ส่วนราคาปุ๋ยก็เริ่มปรับลดลง ถ้าอนาคตราคาน้ำมันลงกว่านี้ก็จะทำให้ราคาปุ๋ยปรับลดลงไปกว่านี้ได้
รวมทั้งการที่เป็นห่วงเรื่องการส่งออก ก็ยังเป็นบวกอยู่ และคู่แข่งระหว่างเรากับเวียดนาม ที่คนไทยมักจะเอาไปเปรียบเทียบกัน โดยเฉพาะเรื่อง FTA ตนก็ยืนยันว่าอีกไม่นาน โอกาสที่เราจะแซงเวียดนามนั้นก็มี เพราะอีกไม่กี่วันนี้ ตนยืนยันเลยว่า FTA ไทย - สหภาพยุโรป 27 ประเทศ จะเริ่มต้นได้ ซึ่งจะช่วยให้การส่งออกของไทย สามารถสร้างเงิน สร้างแต้มต่อให้ประเทศได้ทีเดียว 27 ประเทศ และคาดว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ เราสามารถประกาศเริ่ม FTA ไทย – สหภาพยุโรปได้