สมาคมแบงก์ไทยเปิด 2แนวทาง พักดอก-ห้ามก่อหนี้ช่วยรายย่อย-SMEไม่โดนยึดบ้าน-รถยนต์

03 พ.ย. 2567 | 22:30 น.
อัปเดตล่าสุด :05 พ.ย. 2567 | 00:59 น.

สมาคมธนาคารไทยรับลูกรัฐบาลช่วยลูกหนี้บ้าน-รถทั้งรายย่อยและSME เปิด 2แนวทาง “พักดอก ห้ามก่อหนี้ชั่วคราว" พร้อมคาดโทษให้กลับสู่สถานะผิดนัดชำระ กรณีทำผิดหลักเกณฑ์ หวังปิดช่องใช้โอกาสจากมาตรการจงใจเบี้ยวหนี้ในอนาคต

ตามที่ กระทรวงการคลังร่วมหารือกับสมาคมธนาคารไทยเกี่ยวกับแนวทางแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน สำหรับกลุ่มลูกหนี้ที่กล่าวถึงเป็นพิเศษ (SM) และกลุ่มหนี้เสียไม่เกิน 1 ปี ซึ่งมีประมาณกว่า 1ล้านราย เพื่อให้ลูกหนี้กลับมาชำระหนี้ได้และสามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบนั้น

ต่อประเด็นดังกล่าว นายปิติ  ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือทีเอ็มบีธนชาต(ทีทีบี) เปิดเผยว่า  ผลการประชุมร่วมระหว่างกระทรวงการคลัง  ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)และสมาคมธนาคารไทยเบื้องต้นมีการหารือร่วมกันในการช่วยเหลือลูกหนี้ทั้งสินเชื่อบ้านและสินเชื่อรถยนต์ รวมถึงผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ไม่สามารถผ่อนชำระหนี้บ้านและรถยนต์ที่มียอดค้างชำระไม่เกิน 360 วัน ซึ่งใน 2หลักการ คือ

 1. การช่วยเหลือลูกหนี้ที่ไม่มีกำลังผ่อนชำระ จะกำหนดให้ลูกหนี้ที่เข้าโครงการจะผ่อนชำระเฉพาะเงินต้นเท่านั้น  และลูกหนี้จะได้รับยกเว้นสำหรับดอกเบี้ยที่พักแขวนไว้เมื่อสามารถปฎิบัติได้ตามหลักเกณฑ์และระยะเวลาที่กำหนดประมาณ 3ปี

2.  ลูกหนี้ที่เข้าโครงการต้องตระหนักถึงผลกระทบส่วนหนึ่งจากการเข้ามาตรการดังกล่าว คือ ลูกหนี้ต้องหยุดการก่อหนี้ระยะหนึ่ง และหากไม่สามารถทำได้จะยุติหลักเกณฑ์ที่จะได้รับข้อยกเว้นสำหรับดอกเบี้ยที่พักแขวนไว้ โดยลูกหนี้รายดังกล่าวจะกลับเข้าสู่สถานะ “ผิดนัดชำระหนี้”

“ผมในฐานะหนึ่งในคณะทำงานเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน มองว่า มาตรการนี้โดยหลักๆแล้วต้องการช่วยคนตัวเล็ก เป็นคนดี ยังอยากจะสู้ แต่สู้ไม่ ไหว เนื่องมาจากปัญหาที่ลากยาวมาตั้งแต่โควิด- 19 จนถึงปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบัน  ซึ่งไม่อยากให้เกิดการยึดที่อยู่อาศัย หรือยึดรถยนต์ เพราะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ใช้เป็นสถานกที่ประกอบการและรถยนต์ที่เป็นเครื่องมือประกอบอาชีพ เพราะหนี้กลุ่มนี้เป็นหนี้ที่เป็นเอ็นพีแอลแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะต้องโดนยึด แต่ต้องเข้าใจว่ามาตรการต่างๆ ต้องมีผลข้างเคียง หากเราไม่จำกัดการก่อหนี้เพิ่มก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือนได้ และเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์จงใจผิดนัดชำระหรือพฤติกรรมเบี้ยวหนี้ในอนาคตเพื่อถือโอกาสใช้ประโยชน์จากมาตรการนี้”

นายปิติอธิบายเพิ่มเติมว่า ตรงนี้เหมือนเข้าไปรักษาการคนที่เป็นมะเร็งต้องมีการให้คีโมซึ่งรู้กันอยู่ว่าจะต้องมีผลกระทบกับผู้ได้รับคีโม แต่ก็มีโอกาสที่จะรอดกลับมาใช้ชีวิตหรือทำมาหากินต่อไปได้  แต่ต้องทำใจเช่นกันว่ามีส่วนหนึ่งที่จะกลับมาไม่ไหว เพราะสถานการณ์ที่เป็นอยู่ถือว่าไม่น้อย 

ขณะเดียวกัน กลุ่มที่คิดจะถือโอกาสหยุดชำระหนี้เพื่อให้ได้รับการพักดอกเบี้ย ก็ไม่ควรจะเข้ามา เพราะจะมีผลข้างเคียงที่ไม่น้อยเช่นกัน คือจะต้องโดนควบคุมความประพฤติเรื่องการก่อหนี้ที่เข้มงวด  ซึ่งจากตัวเลขเอ็นพีแอลของระบบที่ประมาณ 3% หมายความว่า สินเชื่อบ้านและสินเชื่อรถยนต์ที่อยู่ใน 3% นี้สามารถเข้าโครงการได้หมด

อย่างไรก็ตาม ในรายละเอียดต่างๆและขั้นตอนของมาตรการนี้ รวมถึงการดูแลรายได้ของธนาคารเจ้าหนี้ที่จะสูญเสียนั้น ทางกระทรวงการคลังกับธปท.จะมีรายละเอียดออกมาหลังจากนี้โดยพยายามจะออกหลักเกณฑ์ รายละเอียดออกมาให้เร็วที่สุด เพราะสถานการณ์หนี้ครัวเรือนของไทยในปัจจุบันถือว่าหนักแล้ว

ดังนั้น เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายจะต้องเข้ามาช่วยกัน เพื่อไม่ให้สถานการณ์แย่ลงไปกว่านี้ เพราะเมื่อหนี้มีปัญหามาก ธนาคารเองต้องเข้มงวดในการปล่อยกู้ ซึ่งก็วนกลับไปสู่ธุรกิจและระบบเศรษฐกิจที่ไม่มีเงินไปหมูนเวียนต่อเนื่อง เชื่อว่าเมื่อมีมาตรการนี้ ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ออกมาจะช่วยให้ภาพรวมด้านต่างๆ เริ่มดีขึ้น

นายฐากร  ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ทีเอ็มบีธนชาต(ทีทีบี)กล่าวว่า ทีทีบีให้ความเข้มข้นเกี่ยวกับการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยดูแลแก้หนี้และรวมหนี้เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้มาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมาซึ่งสามารถช่วยลูกค้ามากกว่า 31,000 ราย สำหรับการลดมูลหนี้ให้ลูกค้ามากกว่า 10,000 ล้านบาท ที่สำคัญช่วยลูกค้าให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยลงเกือบ 2,000 ล้านบาท

ขณะเดียวกันได้ให้การสนับสนุนให้ลูกค้าเข้าถึงการออมและการลงทุนได้มากขึ้น ไม่ว่าผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆและการให้ความรู้ควบคู่กันไปด้วย รวมถึงผลิตภัณฑ์ประกันภัยี่พยายามให้ความคุ้มครองคนตัวเล็ก ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ดูแลชีวิตของคนไทยใหดีขึ้น ซึ่งหลังจากนี้จะมีความเข้มข้นมากขึ้นโดยผนวกกับความยั่งยืนควบคู่กับธุรกิจและบุคคลภายใต้กรอบ B+ESG

“ทีทีบีให้ความสำคัญเกี่ยวกับการดูแลลูกค้าและแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืนผ่านโซลูชั่นทางการเงินที่รับผิดชอบและเป็นธรรม ไม่ใช่มุ่งแต่จะปล่อยสินเชื่อ โดยให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนลูกค้าทั้งให้ความรู้ผ่านการตรวจสุขภาพทางการเงิน พร้อมคอร์สสอนอบรมเสริมความรู้สร้างภูมิคุ้มกันหนี้ผ่านช่องทางออนไลน์ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่ายพร้อมโปรแกรมโค้ชปลดหนี้ที่ให้คำปรึกษาแก้ปัญหาหนี้สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีอาการหนี้ชั้นโคม่า ซึ่งได้ทดลองกับพนักงานของบริษัทที่ใช้บริการ TTB payroll จนเห็นผลสำเร็จแล้วและมีแผนจะขยายโปรแกรมโค้ชปลดหนี้ไปสู่บริษัทรายอื่นๆที่ใช้บริการTTB payroll”