ข้อเข่าเสื่อม เกิดจากความผิดปกติของข้อเข่าที่กระดูกอ่อนผิวข้อสึกหรอไปจากการเสียดสีหรือถูกกระแทก ทำให้ผิวข้อไม่เรียบ ข้อเข่าโก่งผิดรูป ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของข้อเข่า เวลาลุกขึ้น นั่งลง หรือเดิน จะทำให้เกิดความเจ็บปวดของขาและเข่า โดยมีสาเหตุ ดังนี้
- อายุที่มากขึ้น
- การใช้งานที่มากเกินไปหรือผิดลักษณะ
- น้ำหนักตัวที่มากเกิน
- โรคบางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อข้อเข่า
- การบาดเจ็บของข้อเข่ามาก่อน
- ลักษณะทางพันธุกรรมที่ทำให้ขาโก่งงอ
นพ. เอกพจน์ เกิดดอนแฝก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ (Orthopedic Surgery) กล่าวว่า อาการแต่ละระยะของโรคข้อเข่าเสื่อม ในระยะตั้งแต่เริ่มต้นคนไข้มีอาการเจ็บตอนลุกขึ้นหรือนั่งลง การขึ้นหรือลงบันได โดยที่การเดินในพื้นราบไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าโรคเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ อาจจะมีอาการตั้งแต่การเดินพื้นราบ เดินไม่ค่อยได้ มีอาการปวดมาก การเคลื่อนไหวของเข่าจะไม่ค่อยดี คนไข้จะลุกไม่ค่อยไหวหรือนั่งลงไม่ค่อยดี สุดท้ายจะเดินไปได้ไม่ไกล เพราะมีอาการเจ็บปวดมากขึ้น บางครั้งถ้าเป็นมากจริงๆ ก็จะมีอาการปวดลามไปถึงกลางคืน จนบางครั้งไม่สามารถนอนหลับได้ ซึ่งผู้ป่วยสามารถสังเกตอาการได้ ดังนี้
- ปวดเข่าตึงหรือขัด เวลาขึ้น-ลงบันไดลำบาก
- ขยับหรือเคลื่อนไหว มีเสียงเสียดสีของข้อเข่า
- ปวดข้อเข่าเวลานอน
- เหยียดหรืองอข้อเข่าได้ไม่ค่อยสุด
- กล้ามเนื้อต้นขาลีบ ข้อเข่าโก่ง หลวมหรือเบี้ยวผิดรูป
หากผู้ป่วยเริ่มมีอาการดังกล่าว ควรพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยเพื่อทำการรักษาได้อย่างตรงจุด เพราะ “โรคข้อเข่าเสื่อม” เป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมากถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องเสี่ยงต่อภาวะทุพลภาพได้ ซึ่งแพทย์จะมีเกณฑ์ในการวินิจฉัยโรคข้อเข่าเสื่อม ดังนี้
- วินิจฉัยจากอาการปวดของคนไข้ว่าเป็นมานานแล้วหรือไม่
- รบกวนการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การลุก การนั่ง การนอน การเดิน เดินได้ไกลหรือไม่
- หากเป็นมานานต้องทำการตรวจร่างกาย อาจจะพบว่า เข่าบวม ผิดรูป งอ เป็นต้น
- ตรวจคัดกรองด้วยการเอ็กซเรย์ เพื่อดูว่าผิวข้อทรุดลงหรือกระดูกชิดกันหรือไม่
เมื่อตรวจพบว่าผู้ป่วยเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม แพทย์จะทำการรักษาโดยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค
- หากเป็นในระยะแรก แพทย์จะแนะนำการออกกำลังกายเพื่อให้กล้ามเนื้อต้นขาแข็งแรง
- พยายามหลีกเลี่ยงการคุกเข่า นั่งยองๆ หรือขึ้น-ลงบันไดน้อยลง
- รับประทานยาภายใต้ดุลยพินิจโดยแพทย์ เพื่อบำรุงกระดูกผิวข้อ
- การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า เพื่อช่วยลดความรุนแรงและยืดอายุการใช้งานข้อเข่า
- การฉีดเกล็ดเลือดเข้าไปในข้อ ช่วยยืดอายุการใช้งานข้อเข่า
- กรณีที่คนไข้มีความลำบากในการใช้ชีวิตประจำวัน ความเจ็บปวดในการใช้งานของข้อเข่า กระทบการใช้ชีวิตของคนไข้ ร่วมกับการตรวจคัดกรองเอ็กซเรย์ข้อเข่า แล้วพบว่า ผิวข้อถูกทำลายไปมาก กระดูกชิดกันแล้ว แพทย์จะแนะนำเรื่องของการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม
การผ่าตัดข้อเข่าเทียม (Total Knee Arthroplasty) ช่วยให้ข้อเข่าของคนไข้เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ทำให้คนไข้เดินได้ นั่งได้ ดีขึ้นไม่เจ็บปวดทรมาน ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่น อยากไปไหน หรือ เที่ยวที่ไหนก็สามารถไปได้ ปัจจุบันการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมมีหลากหลายวิธีขึ้นอยู่กับระยะและความรุนแรงของโรค การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า (Total Knee Arthroplasty) ถือเป็นอีกทางเลือกในการรักษาข้อเข่าเสื่อม ในกรณีที่รักษาเบื้องต้นแล้วไม่ดีขึ้น ทำให้คุณภาพชีวิตได้ผลดีและเป็นที่นิยมมากขึ้น
ข้อดีของการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม
- เจ็บน้อยกว่า
- แผลผ่าตัดเล็ก
- ฟื้นตัวเร็ว สามารถเดินได้โดย Walker 1 วันหลังผ่าตัด
- สามารถเคลื่อนไหวข้อเข่าได้อย่างเป็นธรรมชาติ
- ความปลอดภัยสูง
หลังการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า ใช้เวลาพักฟื้น หลังผ่าตัดแพทย์จะเริ่มให้คนไข้ทำการกายภาพใน 1-2 วันหลังการผ่าตัด ภายใน 2-3 วัน คนไข้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ กระตุ้นการฟื้นฟูด้วยการกายภาพบ่อยๆ ภายใน 2 สัปดาห์ คนไข้สามารถเดินเองได้ โรงพยาบาลในเครือบางปะกอก ร่วมสนับสนุนการดูแลรักษาผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม คืนสุขภาพดีให้ข้อเข่าโดยแพทย์ผู้ชำนาญการที่มากประสบการณ์ ติดตามข่าวสารทาง www.bangpakokhospital.com และ www.facebook.com/BPK9HOSPITAL สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1745