วันนี้ (25 ต.ค.64) จากกรณีที่นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือร้องเรียนให้คณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร สอบนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม จัดงานรดน้ำดำหัวสงกรานต์และมีการสังสรรค์จนทำให้มีการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ไปทั่วจังหวัดสุโขทัย ทำให้นายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ออกมาตอบโต้และระบุว่าการร้องเรียนคณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎรถ้าไม่ผิดตามข้อร้องเรียน โทษคือติดคุกนั้น
นายวัชระ กล่าวว่า ไม่รู้ว่า นายธนกฤต เรียนจบที่ไหน มีวุฒิภาวะอย่างไร และรู้กฎหมายหรือไม่ การข่มขู่ของนายธนฤกตไม่มีผลใดๆแม้แต่น้อย ตนไม่ได้ร้องเรียนจริยธรรมกรณีงานรดน้ำดำหัวนายสมศักดิ์ ที่รัฐสภาเท่านั้น แต่ยังร้องเรียนจริยธรรมที่คณะกรรมการป.ป.ช.ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้อีกด้วย
เมื่อข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายประจักษ์ชัด ย่อมเป็นหน้าที่ของพลเมืองที่จะให้หน่วยงานของรัฐวินิจฉัย เพราะชาวสุโขทัยสงสัยกันมากว่าเหตุใด นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และกรรมการศบค.จึงมีอภิสิทธิ์ไม่ใส่หน้ากากอนามัยในงานรดน้ำสงกรานต์ ร่วมปาร์ตี้ ร้องคาราโอเกะ สังสรรรค์ดื่มไวน์ร้องเพลงอย่างสนุกสนาน ภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จนเกิดคลัสเตอร์สุโขทัย มีผู้ร่วมงานติดโควิด-19 ตายถึง 3 ศพ และระบาดทั่วจ.สุโขทัยถึง 55 คน โดยนายสมศักดิ์เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ไม่มีความผิดอะไรแม้แต่น้อยเลยหรือ
ซึ่งกรรมการจริยธรรมของสภาผู้แทนราษฎร จะได้พิจารณาต่อไป และกรรมการแต่ท่านล้วนแต่เป็นผู้ใหญ่ทางการเมืองที่มีคุณธรรมไม่มีใครไปชี้นำได้
ดังนั้น นายธนกฤต ควรปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ของกระทรวงยุติธรรม ที่ว่า สร้างสังคมแห่งความยุติธรรม บนรากฐานของความเท่าเทียมยุติธรรมเชิงรุก สร้างสุขให้ประชาชน ไม่ใช่ออกมาข่มขู่ประชาชนแบบนี้
“ทางที่ดี นายธนกฤตควรตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจจ.สุโขทัยมากกว่าว่าเหตุใด บิดาของผู้ติดเชื้อโควิด-19จากการไปร่วมกิจกรรมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เมื่อไปแจ้งความดำเนินคดีแล้ว เหตุใดตำรวจจึงไม่ให้สำเนาบันทึกประจำวันแก่ประชาชนและที่สำคัญคือนายธนกฤตรู้จักชื่อบิดาของผู้ตายได้อย่างไร มีการแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในกรณีนี้หรือไม่”
นายวัชระ กล่าวว่า ตนร้องเรียนบนพื้นฐานของความจริงและกฎหมาย ย่อมไม่กลัวโทษอาญาใดๆ นายธนกฤตไม่ต้องเอาคุกมาขู่ ถ้าทำผิด ศาลตัดสิน ก็เคารพกระบวนการยุติธรรม ประชาชนติดคุกนั้นเรื่องธรรมดา แต่หากภายภาคหน้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมทำผิดแล้วติดคุกจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย