คงจะต้องยอมรับว่า ตลาดคอนโดมิเนียมไทย เดินทางเข้าสู่ 'วัฎจักร' การฟื้นตัวอย่างชัดเจนแล้ว ในปี 2565 นี้ หลังจากมีสัญญาณฟื้นตัวดีให้เห็นตั้งแต่ช่วงท้ายของปี 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบัน ผู้ซื้อ และ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กลับมาเชื่อมั่นตลาด ผ่านแผนการเปิดตัวโครงการอย่างมหาศาล ประเมินปีนี้ กทม.มีโครงการเปิดตัวใหม่ไม่น้อยกว่า 30,000 ยูนิต โดยเฉพาะเซกเม้นท์ระดับราคากลาง เพราะตัวเร่งสำคัญ อย่างปัญหาการจราจรติดขัด และชีวิตที่ผูกพันธ์กับไลฟ์สไตล์ ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ทำให้ที่อยู่อาศัย 'คอนโดมิเนียม' ยังเป็นตัวเลือกหลักของคนเมือง ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตาม เทรนด์ที่น่าจับตามองในตลาดคอนโดฯ ยุคหลัง มีนัยยะเปลี่ยนไปอยู่เช่นกัน โดย 'ฐานเศรษฐกิจ' ได้รวบรวมมุมมองของที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังหลายบริษัท สรุปคร่าวๆ ได้ดังนี้
บมจ.โนเบิล เปิดเกมรุก ตอบสนอง 6 ปัจจัย ผุดคอนโดฯกลางเมือง ใกล้ห้าง
สำหรับผู้พัฒนาคอนโดฯรายใหญ่ ที่ผู้เขียน อยากจะกล่าวถึงในบทความนี้ หลังเห็นความเคลื่อนไหวและเกมรุกของสำคัญที่สอดคล้องกับ 6 ปัจจัยข้างต้น อย่างน่าจับตามอง คือ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรม ซึ่งมีเป้าหมายขึ้น TOP 5 และได้สร้างกระแสเปรี้ยงปร้าง ตั้งแต่ครั้งประกาศแผนธุรกิจปี 2565 เปิดถึง 18 โครงการ มูลค่ารวม 47,700 ล้านบาท วางกลยุทธ์เน้นกระจายทำเล สร้างความหลากหลายตอบโจทย์ทุกความต้องการ ทุกมิติของผู้อยู่อาศัยรอบกรุงเทพฯ
ย้อนมุมมอง เน็กซัส พร็อพเพอร์ตี้ บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ เคยระบุว่าหนึ่งในตลาดคอนโดฯที่จะเติบโต จากปี 2565 เป็นต้นไป ก็คือ คอนโดมิเนียมกลางเมือง ซึ่งเกิดจากความต้องการบ้านหลังแรก และหลังที่ 2 ที่ใกล้ที่ทำงาน ใกล้โรงเรียน หรือ ใกล้ห้างสรรพสินค้า โดยผู้ซื้อยุคใหม่ จะมองถึง ความสะดวกสบายในการเดินทาง และซื้อเพื่อหวังตอบสนองการใช้ชีวิตของตัวเอง ทั้งในปัจจุบัน และบั่นปลายชีวิต พร้อมมองว่าคอนโดฯหรืออสังหาฯ เป็น 1 ในรูปแบบของการลงทุน ที่จะสร้างรายได้ในระยะยาวได้
สอดคล้อง แผนพัฒนา คอนโดฯใกล้ห้างของ บมจ.โนเบิล พบช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา “NOBLE” ได้เปิดตัว 3 คอนโดติดห้าง ประกอบด้วย โครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9, โครงการนิว เมกา พลัส บางนา และโครงการนิว ซี-สแควร์ สวนหลวง สเตชั่น นอกจากนี้ ยังมีโครงการนิว อีโว อารีย์ และโครงการนิว โนเบิล คอนเน็กซ์ คอนโด ดอนเมือง ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สะท้อนจากยอดขาย 2 เดือนแรก (ม.ค. - ก.พ.) สำหรับ 5 โครงการรวมมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท
ทำเลพระราม9 เดสซิเนชั่นลูกค้าไทย - ต่างชาติ
ทั้งนี้ เมื่อเจาะทำเล ซึ่งมีโดดเด่นที่สุุด ผู้เขียน กลับให้ความสนใจในตัวโครงการ นิว ดิสทริค อาร์ 9 (Nue District R9) มูลค่าโครงการประมาณ 6,200 ล้านบาท มากที่สุด เพราะอยู่ใจกลางพระราม 9 และเป็นการกลับมาปลุกทำเลฮอตฮิต ที่ตรงกับนิยามคอนโดฯติดห้างอย่างแท้จริง โดยโครงการอยู่ใกล้เซ็นทรัลพระราม 9 ใกล้ MRT เพียง 180 ม. และใกล้จุดเชื่อมต่อสถานี Interchange BTS อโศก รวมถึง Airport Rail Link มักกะสัน
ซึ่งหากย้อนไปในอดีต บมจ.โนเบิล เคยประสบความสำเร็จ กับการขายโปรเจ็กต์คอนโดมิเนียม 100% SOLD OUT "โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา" (noble REVOLVE RATCHADA) และ "โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา 2" ซึ่งตั้งอยู่ ใกล้สถานี MRT ศูนย์วัฒนธรรม จัดอยู่ในทำเล รัชดา- พระราม 9 เช่นกัน โดยเป็นตึกสูง 38 ชั้น และ 42 ชั้น ตั้งตระหง่านอยู่ริมถนนรัชดาภิเษก รูปลักษณ์ หรูหรา Timeless นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ที่มีความลงตัวทั้งทำเลที่ตั้ง และแนวคิดการออกแบบแฝงไลฟ์สไตล์ครบครัน โดยเมื่อครั้งเปิดตัวพรีเซล ปี 2556 มีราคาขายเริ่มต้นที่ 2.99 ล้านบาท (เฉลี่ย142,400 บาท ต่อ ตร.ม.) พบปัจจุบัน มูลค่าสูงขึ้นมาก มีการตั้งราคาขายเปลี่ยนมือ อยู่ที่เริ่มมากกว่า 3.6 ล้านบาท สะท้อนศักยภาพของทำเลและโปรดักส์ได้อย่างดี
โดยปีนี้ บมจ.โนเบิล นับเป็นผู้เล่นสำคัญของตลาดคอนโดฯย่านพระราม 9 ที่น่าสนใจที่สุด กับการกล้าได้กล้าเสีย พลิกที่ดินผืนสวย ซึ่งได้มาจากการร่วมทุนกับแลนด์ลอร์ดใหญ่กลุ่มบีทีเอส ที่สำคัญน่าจะเป็นที่ดินแปลงสุดท้าย ที่ถัดจาก Community Mall มีขนาดผืนใหญ่ ติดถนน ติดห้างใหญ่ ใจกลางเมือง และติดรถไฟฟ้าในระยะก้าวถึง ในโซน สุขุมวิท-พระราม 9 ซึ่งจากกายภาพ สามารถตอบโจทย์ครบทุกปัจจัยที่กล่าวมาเริ่มแรก ท่ามกลางคาดการณ์ปีนี้ ทำเลพระราม 9 เดือด จากมูลค่าโครงการเปิดใหม่ร่วมกว่า 20,000 ล้านบาท
สอดคล้องข้อมูลของบริษัท คอลลิเออร์ส ประเทศไทย ที่ระบุว่า ทำเลนี้จะกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง โดยแม้ 2 ปีที่ผ่านมา จะเงียบเหงาไปบ้าง จากสถานการณ์โควิด19 แต่พบพื้นที่รอบสี่แยกพระราม 9 – รัชดาภิเษก ยังมีความเคลื่อนไหวของราคาที่ดินขายสูงกว่า 1.2 ล้านบาท ต่อตารางวา นอกจากนี้ทำเลย่านนี้ ยังแวดล้อมด้วยโครงการอาคารสำนักงานเกรด A ขนาดใหญ่ รวมถึงพื้นที่ค้าปลีกชั้นนำและสถานทูต ซึ่งส่งผลให้ ทำเลนี้ยังเป็นจุดหมายปลายของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะนักลงทุนจีนที่สนใจซื้อคอนโดมิเนียมในเมืองไทยเป็นทำเลต้นๆ หลายโครงการที่เปิดขายมีอัตราส่วนของโควต้ากำลังซื้อต่างชาติเต็ม 49%
พร้อมคาดการณ์ว่า หลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 และสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ นักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากจีนสามารถเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยได้อย่างปกติ ทำเลย่านพระราม 9- รัชดาภิเษกจะเป็นทำเลที่กลับมาคึกคักอย่างแน่นอน เพียงแค่ในช่วงนี้ผู้พัฒนาจำเป็นต้องพึ่งพากำลังซื้อในประเทศไปก่อน
" แม้ว่า ณ ปัจจุบันอัตราการขายคอนโดมิเนียมเฉลี่ยในทำเลนี้อาจจะค่อนข้างสูง คือประมาณ74 % ซึ่งพบว่าหลายโครงการเป็นโครงการที่เปิดขายมาแล้วเกือบ 5 ปี ก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่ยังมีหน่วยเหลือขายในตลาดและหลายโครงการเป็นโครงการขนาดใหญ่ โดยพบว่า ณ สิ้นปี 2564 ราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในทำเลนี้อยู่ที่ประมาณ 155,000 บาทต่อตารางเมตรปรับเพิ่มจากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมากว่า 70% หรือเฉลี่ยประมาณปีละ 7% และพบว่าบางโครงการบนทำเลย่านนี้มีราคาขายเฉลี่ยทั้งโครงการกว่า 250,000 บาทต่อตารางเมตร " นายภัทรชัย ทวีวงศ์ คอลลิเออร์ส ฯ กล่าว
รถไฟสายสีส้ม - ผังเมือง - บิ๊กโปรเจ็กต์กระทุ้ง พระราม9 ทำเลแห่งอนาคต
ทำเลพระราม 9 รัศมีครอบคลุมบริเวณหัวมุมถนนพระราม 9 ที่ตัดกับถนนรัชดาภิเษก และถนนอโศก-ดินแดง หรือบริเวณ MRT พระราม 9 ซึ่งรวมจุดเริ่มต้น ไปสิ้นสุดที่แยกต่างระดับศรีนครินทร์ ระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตร นาทีนี้ ทุกคนต่างยอมรับตรงกันว่า ว่านี่คือ ทำเลไข่แดง และเป็นย่านธุรกิจใหม่ (NEW CBD) แห่งอนาคตของกรุงเทพฯ ซึ่งมีปัจจัยแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัยอย่างคับคลั่ง ไม่ต่างจากทำเลทอง 'สุขุมวิท' ได้แก่
จุดเปลี่ยนสำคัญที่จะทำให้ย่านนี้เป็นสุดยอดทำเลแห่งอนาคต ยังจะมาจากเส้นทางการเดินทางที่จะสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งนอกจากเดิม พระราม 9 จะใกล้ทางด่วน และ MRT สถานี พระราม 9 แล้ว ในอนาคต ย่านนี้ นับเป็นหนึ่งฮับของการพัฒนาเมืองที่จะมีบทบาทอย่างมากในทุกๆด้าน เช่น การอยู่อาศัย ,แหล่งงาน และ การแพทย์ จากการเกิดขึ้นของโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง
เพราะแม้ว่ารถไฟฟ้าสายนี้ จะไม่ได้พาดผ่านแยกพระราม 9 โดยตรง แต่บางส่วนพาดผ่านถนนพระราม 9 บริเวณไม่ใกล้กัน ตรงสถานีวัดพระราม 9 และสถานี รฟม. โดยจะเปิดให้บริการช่วงปี 2566 ซึ่งสายสีส้มตะวันออก เป็นเส้นทางที่มีความสำคัญมาก เพราะเป็นเส้นทางเข้าสู่พื้นที่ศูนย์ซ่อมบำรุงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ที่ใช้ร่วมกับสายเฉลิมรัชมงคล และยังเป็นเส้นทางหลักที่เชื่อมต่อการคมนาคมจากแหล่งที่พักอาศัยขนาดใหญ่ย่านบางกะปิเข้ากับสายเฉลิมรัชมงคล ที่กำหนดให้เป็นเส้นทางรถไฟฟ้าวงแหวนรอบกรุงเทพฯ อีกด้วย
ขณะเดียวกัน ในบริเวณนี้ยังมีพื้นที่เปล่าอีกหลายแปลงที่สามารถนำมาพัฒนาในรูปแบบต่างๆได้ โดยเฉพาะ ที่ดินว่างเปล่าผืนขนาดใหญ่ 73 ไร่ หลังห้างเซ็นทรัลพระราม 9 ซึ่งเดิมที เป็นที่ตั้งของแผนลงทุน อภิมหาโปรเจคขนาดใหญ่ The Super Tower อาคารสูง 615 เมตร 125 ชั้น มูลค่าถึง 1.8 หมื่นล้านบาท โดยคาดกันว่า เมื่อแล้วเสร็จ จะเป็นอาคารที่สูงที่สุดในไทยและอาเซียน ผ่านแผนการพัฒนาโดยบริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) (G LAND) ในช่วงปี 2561
อย่างไรก็ตาม ภายหลัง เมื่อ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN) เข้าซื้อกิจการของ G LAND ทำให้แผนการลงทุนดังกล่าวหยุดชะงักไป โดยก่อนหน้ามีแผนว่า เซ็นทรัลจะปรับเปลี่ยนรูปแบบ เป็นโครงการมิกซ์ยูสในรูปแบบอื่นแทน แต่ระหว่างยังไม่มีความชัดเจนออกมา ปัจจุบันที่ดินบางส่วนจึงถูกแปลงโฉมเป็นแปลงผัก และตลาดนัดกลางคืน ทั้งนี้ หากพิจารณาจากขนาดของที่ดิน ศักยภาพของทำเล และชื่อของผู้พัฒนานั้น คาดความน่าสนใจของโปรเจ็กต์ Central District และมูลค่าโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคตกับที่ดินผืนนี้ น่าจะมหาศาลไม่น้อย
เช่นเดียวกับแรงกระเพื่อม บนถนนเชื่อมต่อติดกัน จากการปิดดีลครั้งใหญ่ บริษัท เอไอเอ ประเทศไทย ทุบสถิติซื้อที่ดิน 8 ไร่ ติดถนนรัชดาภิเษกและรถไฟฟ้าสถานีศูนย์วัฒนธรรม วงเงิน 3,500 ล้านบาท จาก “สาธิต วิทยากร” ผู้ถือหุ้นใหญ่โรงพยาบาลพริ้นซ์และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ทำให้ “ถนนรัชดาภิเษก - พระราม9”ร้อนแรงยกแผง
ขณะเดียวกัน พบในผังเมืองรวม กทม.ที่ปรับปรุงใหม่ ตามรายละเอียดจะเพิ่มพื้นที่พาณิชยกรรมแยกพระราม 9 และอัพเกรดบริเวณสถานีศูนย์วัฒนธรรม ให้เป็นพื้นที่สีน้ำตาล นั่นหมายถึง การพัฒนาที่ดินจะทำได้มากขึ้น สนับสนุนศักยภาพของทำเลศูนย์กลางธุรกิจโดยรอบ ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ราคาที่ดินย่านพระราม9 เร่งตัวขึ้นสูงในอนาคต
ไม่ไกลจากแยกพระราม 9 มากนัก อนาคตยังมีโปรเจ็กต์ อย่าง 'มักกะสันคอมเพล็กซ์ บนพื้นที่ 140 ไร่ บริเวณสถานีรถไฟมักกะสัน ในมือเอกชน มูลค่านับแสนล้าน ให้จับตามองถึงรูปแบบที่จะเกิดขึ้น ตามข่าวเดิม ระบุ พื้นที่ดังกล่าว จะถูกแปลงโฉมเป็นมิกซ์ยูสที่สำคัญ ที่จะมีทั้งโรงแรม อาคารสำนักงาน ค้าปลีก เซอร์วิสอพาร์ตเม้นท์ พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ มีความทันสมัยมากที่สุด เพื่อรองรับไฮสปีดเทรน คาดจะทำให้รอยต่อพระราม 9 เป็นทำเลหนึ่งที่น่าจับตามองมากที่สุดในอนาคต
จับตาโครงการ Nue District R9
เมื่อวันนี้และอนาคต ฮับเมืองใหม่ อยู่ไม่ไกลเกินคาด สำหรับ 'ทำเลพระราม 9' การปักหมุดลงเสาเข็มโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อรองรับโอกาสในอนาคต จึงเป็นแนวทางของ บมจ.โนเบิล โดยหลังจากเปิดพรีเซลขายโครงการ Nue District R9 บนที่ดิน 6 ไร่ พบกระแสตอบรับดีเกินคาด ซึ่งเมื่อถอด Key Success ของโครงการนี้ นอกจากที่ตั้งของโครงการ ใกล้เซ็นทรัลพระราม 9 และ MRT พระราม 9 ระยะ 180 เมตร แบบไม่ต้องข้ามถนนแล้ว พบยังมีความโดดเด่นอีกหลายด้าน ผ่านแนวคิดการพัฒนาโครงการ ที่เหมาะทั้งการซื้ออยู่อาศัยและการลงทุนอย่างแท้จริง
โดยเฉพาะการเล่นกับคำว่า "City Living" ปรับโฉมแปลนห้อง ขนาดไม่ใหญ่ แต่ได้เฟอร์นิเจอร์ครบ พ่วงไลฟ์สไตล์ติดห้าง เรียกว่า คงทำการบ้านมาอย่างหนัก เพื่อปรับโปรดักส์ให้เข้ากับดีมานด์ที่มีปัจจุบัน ผ่านแบรนด์ 'Nue' เน้นเจาะตลาดกลุ่มเป้าหมายใหม่ ด้วยราคาต่อยูนิตเริ่มต้นตั้งแต่ 1-2 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นช่วงราคาที่จับต้องได้และตอบรับกับกำลังซื้อของกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี โดยโครงการนี้มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 134,000 บาท/ตารางเมตร หรือ เริ่มต้น 2.9 ล้าน จะเห็นได้ว่า มีราคาถูกกว่าคอนโดมิเนียมในทำเลนี้ ที่เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 155,000 บาทต่อตารางเมตร
สำหรับคอนโดใหม่ ใจกลางพระราม 9 Nue District R9 ยังมีจุดเด่นในเรื่องของออกแบบ ซึ่งผู้พัฒนาเน้น ดีไซน์โมเดิร์น ภายในทุกห้องมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ ถือว่าน่าจะเป็นโครงการเดียวในย่านนี้ ที่ใช้รูปแบบการขายดังกล่าว และสอดคล้องกับความต้องการของผู้ซื้อยุคนี้ ส่วนรูปแบบอาคาร แบ่งการพัฒนาเป็น 2 ตึก สูง 33 และ 41 ชั้น ไฮไลท์จุดต่างสำคัญต่อโครงการโดยรอบทั้งเก่าและใหม่ อยู่ที่ส่วนกลาง ทั้ง 2 อาคาร รวมบนพื้นที่ 8 ไร่ จำนวน 8 โซน 50 ฟังก์ชั่น โดยมีจุดเชื่อม 2ตึก แบบ Open floor ขนาดใหญ่
ขณะแปลนห้องอาศัย มีลักษณะหน้ากว้าง Floor to Celling สูงถึง 2.6 เมตร ปรับจากปกติที่ห้องส่วนใหญ่มักเป็นแนวลึก ขนาดห้องพักตั้งแต่ 1 Bedroom M : 26 ตารางเมตร ถึง 2 Bedroom 2 Bath : 46 ตารางเมตร ที่จอดรถ 41% ไม่รวมจอดซ้อนคัน + EV Charger station and Handicap Parking กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2568 เป็นไทม์ไลน์ที่คาดว่า เศรษฐกิจภาพรวม และสถานการณ์โควิด19 ทั้งไทยและต่างประเทศจะคลี่คลายลงแล้ว ทำให้ผู้ซื้อที่เวลาเตรียมตัว และสร้างเครดิตทางการเงินได้ทัน
โดยแบรนด์ NUE เป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่บนทำเลที่เป็นศูนย์กลางในย่านเมืองใหม่ หรือ New Urban Epicenter ตามแนวรถไฟฟ้าเส้นหลักและส่วนต่อขยายทั่วกรุงเทพฯ นับเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง
ด้านความได้เปรียบจากตลาดต่างชาติ โนเบิล ระบุว่าบริษัท มี Market Share ตลาดต่างชาติ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 ถึง 56% ซึ่งถือว่าเป็น Developer เบอร์ 1 ของไทย และยังมีพาร์ทเนอร์หลักเป็นกลุ่ม Fulcrum Holding ซึ่งมีฐานลูกค้าในหลากหลายประเทศ ทั้งจีน ฮ่องกง สิงค์โปร์ ทำให้นาทีนี้ บมจ.โนเบิล มีแต้มต่อด้านเครือข่ายการขาย ที่อาจเรียกได้ว่ามากและตรงที่สุดในกลุ่มดีเวลลอปเปอร์ไทย โดยจะเป็นโอกาสดี ทันทีที่สถานการณ์โควิด19 ทั่วโลกคลี่คลาย และกลุ่มผู้ซื้อต่างชาติสามารถเดินทางกลับเข้ามาในประเทศได้
จังหวะการลงทุนอสังหาฯ โอกาสก่อนเปิดประเทศ
การปรับตัวลงของราคาคอนโดฯ โครงการขายใหม่ ที่เน้นผูกพันธ์กับกำลังซื้อคนไทยยุคโควิด ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง นอกจากเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญของของโครงการ นิว ดิสทริค อาร์ 9 โดยคาดว่าน่าจะได้การตอบรับสูง เมื่อโครงการเริ่มก่อสร้างเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
ในฐานลูกค้านักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ ยังถูกวางกลยุทธ์ไว้ ตั้งแต่การ เปิดช่องของราคา ให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้ง่าย มีส่วนต่างของ Value ในอนาคต เช่น ห้อง 1 BED ขนาด 26 ตรม. ซึ่งได้เปรียบในเรื่อง Layout ถูกปรับจากห้อง Studio ทั่วไป เป็นห้อง 1 Bed หน้ากว้างแบ่งสัดส่วน แยกห้องนอน นั่งเล่นได้อย่างชัดเจน ซึ่งรูปแบบนี้ เป็นที่ต้องการของผู้เช่าคอนโดฯมากที่สุด ขณะที่นักลงทุน ลงเงินน้อยด้วยราคาเปิดพรีเซลถูก ผ่อน 6,000 บาท/เดือน แต่ได้ return สูง หรือ ห้องขนาด 1 BED PLUS 34 ตรม. ซึ่งเปิดเป็นไฮไลท์ของแต่ละชั้น มีเพียงชั้นละไม่กี่ห้อง แปลนห้องถูกออกเป็นแบบหน้ากว้างเช่นกัน แต่สามารถปรับฟังก์ชั่นเป็น 2 ห้องนอนได้ เหมาะสำหรับการพักอาศัย 1-2 คน จะซื้ออยู่เอง หรือ ปล่อยเช่าได้ง่ายสุด ได้ตั้งแต่ลูกค้ากลุ่มเพื่อน หรือ คู่รัก ครอบครัวขนาดเล็ก เป็น Type ที่ไม่ค่อยมีให้เห็นในย่านนี้ แต่เป็นที่ต้องการสูง
ขณะในมุมผู้ซื้อ มองว่านี่คือจังหวะการลงทุนที่ดีที่สุด หลังจากในช่วงหลายปีที่่ผ่านมา แทบไม่มีโครงการเปิดใหม่ในย่านนี้ ซัพพลายเดิมถูกดูดซับไป แต่ดีมานด์เช่า - ซื้อเริ่มฟื้นตัว โดยโครงการนี้ นับเป็นโครงการเดียวที่เพิ่งเริ่มก่อสร้างในราคาเอื้อมถึง ก่อนโครงการแล้วเสร็จในอีก 2 ปีข้างหน้า ขณะอีกหนึ่งตัวเร่ง ที่นักลงทุนกำลังประเมิน คือ การแปรผันของราคาต้นทุนพัฒนาโครงการใหม่ๆ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง และเงินเฟ้อ จากปัจจัยความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังจากทั้ง 2 ประเทศ มีความสำคัญกับภาคอสังหาฯไม่น้อย เนื่องจากเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ จึงมีความเป็นไปได้ ว่าโครงการใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ราคาจะถูกปรับสูงขึ้นตามต้นทุน ที่น่าสนใจ นอกจากผู้ซื้อจะใช้เพื่ออยู่อาศัยเองแล้วยังสามารถนำไปปล่อยเช่าสร้างรายได้ในระยะยาว ก่อนประกาศขายในช่วงที่สามารถทำกำไรในตลาดได้
อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งตลาดสำคัญในย่านฮอตฮิตอย่างพระราม 9 ยังมาจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยแม้ปัจจุบันอยู่ในช่วงการระบาดของโควิด19 พบบางโครงการแล้วเสร็จในละแวกนี้ ถูกจองซื้อยกล็อต สะท้อนภาพลูกค้าชาวต่างชาติยังคงให้ความสนใจตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยอยู่มาก
ล่าสุดศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ สรุปภาพรวมการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมของผู้ซื้อชาวต่างชาติ ปี 2564 พบ สัญญาณการฟื้นตัวดี ผ่านจุดต่ำสุด มาอยู่ในมูลค่ารวม 2.29 หมื่นล้านบาท (ทั้งประเทศ) ขณะลูกค้าชาวจีน ยังเป็น TOP 1 ที่้ซื้อและโอนกรรมสิทธิ์อสังหาฯไทยมากที่สุด สัดส่วนราว 60% จากหน่วยทั้งหมด ซึ่งห้วยขวาง - พระราม 9 เป็นทำเลอันดับต้นๆที่ได้ความนิยมไม่เปลี่ยนแปลง
ตามข้อมูล ชาวจีนและชาวต่างชาติ ซื้อและโอนฯ ในคอนโดฯ ที่มีราคาขายเฉลี่ย 1.1 แสนบาทต่อตารางเมตร นิยมทั้งห้องขนาดเล็ก และใหญ่ โดยในช่วงโควิด19 อาศัยผ่านตัวกลางในการโอนเงินข้ามประเทศเข้ามา จากข้อจํากัดด้านการเดินทางที่บางประเทศยังประกาศล็อกการเข้า-ออก ประเทศ
อย่างไรก็ตาม อีกจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดอสังหาฯ ไทย ยังมาจากนโยบาย หวังปูทาง ใช้ภาคอสังหาฯและการท่องเที่ยว เป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งล่าสุด 'สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์' รัฐมนตรีหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ระบุ เดินหน้าออกมาตรการกระตุ้นผู้ซื้อชาวต่างชาติ ให้เข้ามาอยู่อาศัยในไทยระยะยาว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการดึง 4 กลุ่มศักยภาพสูงเข้ามานำร่อง ผ่าน การเพิ่มประสิทธิภาพวีซ่าแบบเข้าออกหลายครั้งในระยะเวลานานขึ้น สําหรับผู้ที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่าสูงในประเทศไทย แต่เดิมที มีการกล่าวถึง การเพิ่มโควต้าถือครองคอนโดฯของต่างชาติให้มากกว่า 49% หรือ เปิดช่องให้ต่างชาติซื้อบ้านแนวราบได้ อีกด้วย
มองว่า นี่อาจถือเป็นอีกโอกาสใหญ่ของตลาดอสังหาฯไทย และคอนโดฯไทยในทำเลยอดนิยมตลาดกาลของชาวต่างชาติ อย่างพระราม 9 นับจากนี้ เมื่อ ประเทศไทย ถูกยกย่อง เป็น Thailand world best second home ระดับโลก ...
รับสิทธิพิเศษ ลงทะเบียนได้ที่ https://nobleurl.com/3xO2N75