การเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ของดีเวลลอปเปอร์ เริ่มคึกคักขึ้นตามลำดับหลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลายศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ธนาคารอาคารสงเคราะห์ คาดการณ์ว่าช่วงไตรมาสที่ 3 ต่อไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยเริ่มขยับตัวดีขึ้น สะท้อนจาก การเปิดตัวโครงการใหม่ ปี 2565 เพิ่มขึ้นมากกว่าปี 2564
คอนโดกลับมาแล้ว
โดยพบว่า 6 เดือน (ครึ่งปีแรก) ปี 2565 มีจำนวนโครงการเปิดตัวใหม่ในเขตกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑลรวม 53,360 หน่วย บ้านจัดสรร 19,584 หน่วย คอนโดมิเนียม 33,776 หน่วย สัดส่วนการเปิดตัวคอนโดมิเนียม เพิ่มขึ้น 63.3% บ้านจัดสรร 36.7% สวนทางปี 2562 -2564 ที่มีปริมาณบ้านจัดสรรมากกว่า คอนโดมิเนียมถึงกว่า60%
ส่วนคาดการณ์ทั้งปี 77,728 หน่วย เพิ่มขึ้น 50.8 % เมื่อเทียบกับปี 2564 จำนวน 51,531 หน่วยมูลค่า 401,360 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 83.3% เทียบกับปีที่ผ่านมา มูลค่า 218,950 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขการเปิดตัวที่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด ที่เฉลี่ยแสนหน่วยต่อปี
สต็อกเหลือขาย 1.7แสนหน่วย
ขณะผลสำรวจภาคสนามล่าสุด (ข้อมูล วันที่ 6 กันยายน 2565) ครึ่งปีแรกของปี 2565 (กทม.-ปริมณฑล) ที่อยู่อาศัยเสนอขายรวม 200,402 หน่วย มีโครงการเปิดขายใหม่ 28, 414 หน่วย ขายได้ใหม่ 23,505 หน่วย จำนวนหน่วยเหลือขายปัจจุบัน 176,897 หน่วย อย่างไรก็ตามบ้านแนวราบน่าจะได้รับการตอบรับจากผู้ซื้อมากกว่าในขณะที่คอนโดมิเนียมค่อยๆ ฟื้นตัว
เนื่องจากสต็อกที่ลดลงราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องสร้างคอนโดมิเนียมเพื่อให้สอดคล้องกับกำลังซื้อ และยังคงมีโปรโมชั่นส่วนลดและของแถมเพื่อจูงใจให้เกิดการตัดสินใจซื้อแต่ไม่ลดราคามากเท่ากับปี 2564 เนื่องจากมีต้นทุนของค่าก่อสร้างที่สูง แต่ยังมีสิ่งที่ต้องระมัดระวังคือปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกและเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน
พฤกษามั่นใจอสังหาฯฟื้นลุยปักหมุด ตามแผน
สำหรับรายใหญ่ นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)ให้มุมมอง “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แนวโน้มธุรกิจอสังหาฯไทย ฟื้นตัวชัดเจนต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ครึ่งปีแรก 2565 เติบโตเพิ่มขึ้น 6-7% ส่วนครึ่งปีหลัง น่าจะขยายตัวได้ดีต่อเนื่องมากกว่าครึ่งปีแรก จากปัจจัยบวกทางเศรษฐกิจ ทั้งแนวโน้มจีดีพีไทย โตเกิน 3%
การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และผลงานด้านการส่งออก โดยปัจจัยลบที่อาจทำให้ตลาดสะดุดไปบ้าง ได้แก่ เงินเฟ้อ และ ต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ประเด็น “ดอกเบี้ยขาขึ้น” นั้น ยังไม่ส่งผลต่อตลาดโดยตรง เนื่องจากพบว่า ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ยังดูดซับให้ ประเมินดอกเบี้ยนโยบายในกรอบ 1.75% ตลาดผู้ซื้อยังตอบรับไหว ขณะอีกส่วน กลายเป็นปัจจัยเร่งให้ผู้ซื้อรีบตัดสินใจ ช่วยเพิ่มการซื้อ-ขายในตลาดช่วงนี้
ทั้งนี้ ตลาดที่อยู่อาศัยที่ไปได้ดี คือ บ้านเดี่ยวระดับบนและแนวราบ เซ็กเม้นท์กลาง ราคา 7-10 ล้านบาท เพราะกำลังซื้อไม่ได้รับผลกระทบ เช่นเดียวกับตลาดที่รองรับผู้ซื้อรายได้ 5 หมื่นบาทต่อเดือนขึ้นไป ที่พัฒนาโปรดักต์ในแนวทางเพื่อสุขภาพ และเสริมนวัตกรรมอิโนเวชั่นเข้าไป ตามยุทธศาสตร์ของบริษัท พบยังมีทิศทางดีต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทเพิ่มความเชื่อมั่นตลาด เดินหน้าเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ตามเป้าหมาย 31 โครงการ กว่า 1.6 หมื่นล้านบาท
อนันดามั่นใจปัจจัยบวก
ด้านความเชื่อมั่นที่ฟื้นคืนมาของตลาดอสังหาฯ ยังมาจากดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ ที่ก่อนหน้าชะลอการเปิดโครงการไปในช่วงโควิด-19 ล่าสุด เปิดเผนเร่งเกมอีกครั้ง โดยนายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ประเมิน จีดีพีโต 3.3% และ 4.2% ในปี 2566
สำหรับภาคอสังหาฯ ได้แรงหนุนจากฝั่งภาครัฐและเอกชน ช่วยปลุกบรรยากาศให้เอื้อต่อการซื้อ-ขายมากขึ้น เช่น การลดค่าโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนอง รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการควบคุมสินเชื่อ
เพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ชั่วคราว นับเป็นปัจจัยสำคัญให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ ทั้งนี้ อนันดาฯ เตรียมแผนรองรับดีมานด์ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ผ่านการเปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 1.67 หมื่นล้านบาท ได้แก่ โคโค่ พาร์ค, คัลเจอร์ ทองหล่อ , คัลเจอร์ จุฬา และ ไอดีโอ รามคำแหง-ลำสาลี สเตชั่น พร้อมเปิดบ้านหรูกลางเมืองแนวใหม่ อีก 2 โครงการ ย่านพระราม 9 และ ราชพฤกษ์ อีกกว่า 5 พันล้านบาท โดยคาดราคาขายจะสูงสุดถึง 60 ล้านบาท
SC ผุดคอนโดฯแปลงใหญ่รัชดาฯ
ขณะที่ดิน 2 แปลงใหญ่รวมกัน ราว 6 ไร่ ย่านรัชดาฯ ถนนเทียมร่วมมิตร ใกล้สถานฑูตเกาหลี และโรงละครสยามนิรมิตร ตรงข้าม โครงการ ศุภาลัย เวลลิงตัน ซึ่งถือครองโดย บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ก็มีความเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน โดยพบหลังจากช่วงต้นปี SCปิดดีลใหญ่
ซื้อที่ดินดังกล่าว ต่อมาจาก นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ในราคาซื้อขายตารางวาละ 3.1 แสนบาท รวมเป็นเงินจำนวนประมาณกว่า 725 ล้านบาท เริ่มล้อมรั้ว ปรับหน้าดิน ลงมือก่อสร้างสำนักงานขายแล้ว ทั้งนี้ หากอ้างอิงจากข้อมูลแจ้ง ตลท.ก่อนหน้าที่ดินทั้ง 2 แปลง จะถูกพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่น่าสนใจอีกโครงการหนึ่งในช่วง
ที่เหลือของปีนี้ เพิ่มเติมจากแผนเปิดโครงการคอนโดฯของ SC เบื้องต้น 2 โครงการย่านวงเวียนใหญ่ (เปิดไปแล้ว) และย่านทองหล่อ อีก 1 โครงการ รวมมูลค่า 2 โครงการ 6.5 พันล้านบาท
แสนสิริ ปลุกดีมานด์คอนโดกลางเมือง
อีกค่ายใหญ่ บมจ.แสนสิริ ยอดขายที่ทำได้ถล่มทลายจากการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วง 8 เดือนแรกที่ผ่านมา (ม.ค.-ส.ค.) ทั้งในกลุ่มโครงการบ้านและคอนโดฯ ทำให้ล่าสุดบริษัท ประกาศปรับเป้ายอดขาย ในฝั่งแนวราบ จาก 2.4 หมื่นล้านบาท ขึ้นสู่ 2.7 หมื่นล้านบาท (เป้ารวม 3.5 หมื่นล้านบาท) อย่างไรก็ดี พบมูฟเม้นท์ที่น่าสนใจในกลุ่มคอนโดฯ โดยแสนสิริ กำลังวางแผนนำแลนแบงก์กลางเมืองหลายแห่ง มาพัฒนาเป็นคอนโดฯ เพื่อรองรับดีมานด์ลูกค้า
ต่างชาติที่กำลังจะกลับมา เช่น ที่ดินบริเวณราชเทวี ติดถนนใหญ่ และ รถไฟฟ้าสายสีเขียว ปากซอยเสนากิจ ขนาด 1 ไร่กว่าๆ หลังจากซื้อต่อมาจากกลุ่มไรมอนแลนด์ และซื้อที่ดินด้านข้างเพิ่มอีกบางส่วน ปรากฎแผนคอนโดฯใหม่ สูง 32 ชั้น จำนวน 383 หน่วย บนที่ดินไร่กว่า ตามกลยุทธ์ Speed to Market รวมถึง แปลงที่ดิน ทำเลทอง “เจริญนคร” และ “พหลโยธิน”
หลังจากนายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฎิบัติการ บมจ.แสนสิริ ระบุว่า เล็งเห็นสัญญาณบวกของเศรษฐกิจ จากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ แผนดังกล่าว เป็นไปเพื่อรองรับตลาดอสังหาฯ ฟื้นและดีมานด์ ลูกค้าต่างชาติ เป็นต้น
คอนโดฯหัวหินฟื้นรับต่างชาติ
นาย ณัฎฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ ไนท์แฟรงค์ ที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า ขณะนี้เห็นทิศทางการฟื้นตัวของตลาดคอนโดฯ หัวหิน อย่างชัดเจน แม้ครึ่งปีแรก 2565 มีโครงการเปิดขายใหม่เพียง 1 โครงการ จำนวน 252 หน่วย “เฮย์หัวหิน” ราคาเริ่ม 1.39 ล้านบาท แต่พบว่าเร็วๆ นี้ จะมีการเปิดตัวโครงการตึกสูงใหม่ อีกหลายโครงการ
คาดจะเพิ่มการแข่งขันและความหลากหลายของตลาดอย่างมาก จากอัตราการขายรวม ที่ดีดกลับมาอยู่ที่ 79% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 6 เดือนแรก หน่วยขายได้ใหม่ทั้งสิ้น 1,773 หน่วย จากกลุ่มผู้ซื้อหลัก คนกทม. 90% คนต่างจังหวัด 5% และ ชาวต่างชาติอีก 5%
“ฐานเศรษฐกิจ” ตรวจสอบ กลุ่ม บมจ. พราว เรียลเอสเตท (กลุ่มลิปตพัลลภ) อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการคอนโดฯระดับลักชัวรีขนาดใหญ่ วิวทะเล ภายใต้โปรเจ็กต์ “เวหา (VEHHA)” มูลค่ารวม 2.29 พันล้านบาท ในราคาเริ่มกว่า 3 ล้านบาท หลังประเมินว่า สัญญาณดีภาคการท่องเที่ยวของไทย จะปลุกดีมานด์คนไทยในกลุ่ม “Resort Home” ขณะพบดีมานด์ชาวยุโรป โดยเฉพาะ ชาวรัสเซีย ต้องการบ้านสำหรับเกษียณอายุ เพิ่มขึ้นอย่างมาก