เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2565 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ประกาศเงียบๆ เกี่ยวกับการอนุญาตให้ต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน และข่าวเพิ่งลงหนังสือพิมพ์เมื่อปลายเดือนสิงหาคมนี้เอง ประกาศฉบับนี้ “ขายชาติ” อย่างไร
นายโสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทยบริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (area.co.th) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่ 6/2565 เรื่อง หลักเกณฑ์การอนุญาตให้นิติบุคคลต่างด้าวที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนถือกรรมสิทธิ์ที่ดินสำหรับเป็นที่ตั้งสำนักงานและที่พักอาศัย (https://bit.ly/3wDvstY) โดยมีรายละเอียดว่า
ข้อ 1 ให้นิติบุคคลต่างด้าวผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุนที่มีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้วไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินสำหรับเป็นที่ตั้งสำนักงานและที่พักอาศัย โดยกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาอนุญาต ดังนี้
1.1 ที่ดินสำหรับเป็นที่ตั้งสำนักงานของกิจการที่ได้รับการส่งเสริมให้ถือกรรมสิทธิ์ได้ไม่เกิน 5 ไร่
1.2 ที่ดินสำหรับเป็นที่พักอาศัยของผู้บริหารหรือผู้ชำนาญการให้ถือกรรมสิทธิ์ได้ไม่เกิน 10 ไร่
1.3 ที่ดินสำหรับเป็นที่พักอาศัยของคนงานให้ถือกรรมสิทธิ์ได้ไม่เกิน 20 ไร่
1.4 ที่ดินสำหรับเป็นที่ตั้งสำนักงานและที่พักอาศัยจะอยู่ในบริเวณเดียวกันกับที่ดินอันเป็นที่ตั้งสถานประกอบการหรือไม่ก็ได้ ทั้งนี้ในกรณีที่มีเหตุผลและความจำเป็นพิเศษ สำนักงานจะพิจารณาอนุญาตตามความเหมาะสมเป็นกรณีไป
ข้อ 2 จะต้องจำหน่ายหรือโอนที่ดินภายใน 1 ปี เมื่อหมดสภาพการเป็นผู้ได้รับการส่งเสริม
ข้อ 3 มอบอำนาจให้สำนักงานออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์เพิ่มเติมตามความเหมาะสม เช่น ประเภทกิจการ ระยะห่างจากสถานประกอบการ เป็นต้น“ฟังธง” ว่านี่เป็น “กฎหมายขายชาติ” อย่างแท้จริง โดยให้คำอธิบายไว้ดังนี้:
1. ธุรกิจอะไรของคนต่างด้าวที่ต้องใช้ที่ดินทำธุรกิจ 5 ไร่ ในแง่หนึ่งถ้าเป็นกิจการอุตสาหกรรม ก็อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมได้อยู่แล้ว และซื้อได้เกิน 5 ไร่ด้วยซ้ำไป ถ้าเป็นกิจการอื่น จะกลายมาเป็นการแข่งขันกับคนไทย ซ้ำเติมเศรษฐกิจไทยหรือไม่ ก็ “หมกเม็ด” ไม่ประกาศประเภทให้ชัดเจนในคราวเดียวนี้
2. ที่ผ่านมาการที่ผู้บริหารต่างชาติมาลงทุน ก็ไม่มีความจำเป็นต้องให้ซื้อที่ดินอีก 10 ไร่ไปอยู่อาศัย ผู้บริหารหรือผู้ชำนาญการเหล่านั้นก็มักอยู่ห้องชุดมากกว่า การมาซื้อที่ดินได้เท่ากับมาแข่งกันซื้อกับคนไทย ทำให้ราคาที่ดินขึ้น คนไทยก็จะ “อยู่ยาก” ขึ้นทุกวัน
3. ยิ่งประกาศให้ต่างชาติซื้อที่ดินอีก 20 ไร่ไปทำที่พักอาศัยให้กับคนงาน ก็ขาดเหตุผลเป็นอย่างยิ่ง ปกติคนไทยจ้างแรงงานต่างด้าวหรือแรงงานไทยเองก็ไม่มีความจำเป็นต้องจัดหาที่อยู่อาศัย หรือหวังจะขนคนจากต่างประเทศมาอยู่ มาแย่งยึดประเทศไทย นี่เข้าข่ายการ “หมกเม็ด” โดยเฉพาะ
4. แถมที่ตั้งสำนักงานและที่อยู่ของผู้บริหารก็อาจไม่ต้องอยู่ติดกัน แสดงว่าซื้อได้หลายที่ หรือถ้าอยู่ติดกันก็ซื้อได้รวมถึง 35 ไร่ เพียงแค่นำเงินมาลงทุนแค่ 50 ล้านบาทเท่านั้น แต่อาจซื้อที่ดินมูลค่ารวมนับพันๆ ล้านบาทได้
5. ที่ “แสร้ง” ประกาศว่าถ้ากิจการนั้นไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนแล้ว ต้องจำหน่ายหรือโอนที่ดินภายใน 1 ปี จำหน่ายให้ใคร โอนให้ใครก็ไม่ประกาศให้ชัดเจน ให้ต่างชาติผลัดกันมาครอบครองต่อหรือไม่ แล้วถ้าถือครองในช่วงส่งเสริมสัก 10, 20 หรือ 30 ปี ราคาที่ดินขึ้นไปเท่าไหร่แล้ว เขาได้กำไรมหาศาลกลับประเทศของเขา ภาษีก็แทบไม่เสีย อย่างนี้ทำลายเศรษฐกิจของชาติหรือไม่
6. คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนมีอำนาจประกาศแบบนี้เลยหรือ ต่อไปคณะกรรมการสภาพัฒน์ฯ หรือหน่วยงานอื่นก็อาจประกาศทำนองนี้ได้ด้วยอีกหรือไม่
7. จะสังเกตได้ว่าประกาศดังกล่าวบอกให้ใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป แต่ประกาศ ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2565 เป็นการประกาศย้อนหลังเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ใครหรือไม่
8. ข้ออ้างเรื่องการส่งเสริมการลงทุนเป็นสิ่งที่เป็นเท็จหรือไม่ การส่งเสริมการลงทุนที่แท้ควรให้มาลงทุนทำอุตสาหกรรมหรือบริการที่ใช้แรงงานและทุนสูง แต่กิจการตามที่ประกาศนี้คงไม่เข้าข่าย เพราะไม่ได้อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม (ถ้าอยู่คงไม่ต้องออกประกาศฉบับนี้) เงินแค่ซื้อที่ดินเท่านี้คงไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจใดๆ
ยกเว้นเอื้อประโยชน์ต่อเจ้าของที่ดินและนายทุนจำนวนหนึ่ง ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเพราะมูลค่ารวมน้อยมากเพียงไม่ถึง 9.6% เท่านั้น (https://bit.ly/2ZWFcCC)
ดังนั้น จึง “ฟังธง” ว่าประกาศของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่ให้ต่างชาติซื้อที่ได้ส่งเดชแทบจะตรงไหนก็ได้นี้เป็นการทำลายความมั่นคงของชาติ และทำลายเศรษฐกิจของชาติ ประกาศนี้ควรได้รับการยกเลิกด่วน