AWC จัดทัพระดมทุน พร้อมลุยอสังหาฯ

18 มิ.ย. 2562 | 04:30 น.
อัปเดตล่าสุด :18 มิ.ย. 2562 | 11:32 น.

ช่วงหลายปีที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” มีการเคลื่อนไหวและรุกคืบขยายเข้าสู่ธุรกิจโรงแรม รีเทล อาคารพาณิชย์อย่างต่อเนื่องจนขึ้นแท่นเป็นยักษ์ใหญ่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทย 

 

ล่าสุดกับการจัดทัพธุรกิจในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ครั้งใหญ่ ด้วยการควบรวมกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ กลุ่ม Prime Property ใน 2 กลุ่มหลักได้แก่ 1. กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ 2. กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้า พร้อมกรุยทางเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “AWC” หรือบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) โดยมี “วัลลภา ไตรโสรัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ นั่งกุมบังเหียน

 

เป้าหมายหลักของ AWC ในการระดมทุนครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อนำไปใช้ในการบริหารจัดการ  ชำระหนี้ และเป็นกระแสเงินสดในการบริหารธุรกิจและซื้อ 12 โรงแรมใหม่  ต่อยอดความเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ในประเทศไทย พร้อมกับการสร้างกำไรอย่างยั่งยืน ด้วยการกระจายความเสี่ยงที่เหมาะสม การพัฒนาทรัพย์สินที่มีคุณภาพเพื่อส่งเสริมการเติบโตของบริษัท การบริหารจัดการทรัพย์สินในเชิงรุกและใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้พอร์ตโฟลิโอของ AWC
 

“ AWC จะรวมเอาทรัพย์สินด้านอสังหาริมทรัพย์ของเครือที่มีการเติบโตสูงและมีผลกำไรดี (Prime Property )ในย่านที่ดีที่สุดของประเทศ (Prime Lacation) จากทีซีซี กรุ๊ป เข้ามารวบรวมด้วยต้องการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่บริษัท” นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) กล่าว

 

การจัดทัพกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ AWC  ด้วยการเข้าจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ฯในครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดกลุ่มธุรกิจที่มีโอกาสทางการเติบโตสูงของเครือทีซีซี ภายใต้แนวคิด Building A Better Future ด้วยการมีพอร์ตสินทรัพย์ที่มีความหลากหลายและสมดุลเชิงธุรกิจบนทำเลที่ตั้งที่มีศักยภาพ ในย่านธุรกิจการท่องเที่ยวถือเป็นการประกาศเกมรุก พร้อมท้าชนเต็มตัว

 

หลังจากที่ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา AWC มีการเติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปี  หากดูถึงรายได้นับจากปี 2559 ที่มีรายได้ 9,400 ล้านบาทเพิ่มขึ้นเป็น 1.1 หมื่นล้านบาทในปี 2560 และ 1.2 หมื่นล้านบาทในปี 2561  โดยรายได้หลักมาจาก 2 กลุ่มธุรกิจ คือ ธุรกิจโรงแรมและบริการ  60% และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ 40%  ด้วยจุดแข็งและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง และเต็มไปด้วยศักยภาพ 

หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,478 วันที่ 13 - 15 มิถุนายน พ.ศ. 2562