กทม.ครองใจเศรษฐีต่างชาติย้ายมาพำนัก

26 มิ.ย. 2563 | 10:24 น.

เดอะ พร็อพส์ ตัวแทนเช่า-ซื้ออสังหาริมทรัพย์ เผยผลวิจัย กรุงเทพฯยืนหนึ่งครองใจชาวต่างชาติที่จะเข้ามาเริ่มต้นธุรกิจ เศรษฐีต่างชาติกำลังตัดสินใจย้ายมาพำนักมาอยู่

ผลสำรวจความคิดเห็นจาก U.S. News & World Report ระบุว่า ประเทศไทยติดอันดับ 1 ประเทศที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลก หรือ Best Countries to Start a Business 2020 จากทั้งหมด 73 ประเทศทั่วโลก โดยอันดับ 2 คือ มาเลเซีย ,3.จีน ,4.สิงคโปร์ ,5. อินเดีย ,6. ฟิลิปปินส์ ,7.เม็กซิโก ,8.สวิตเซอร์แลนด์ ,9. อินโดนีเซีย และ10. แคนาดา


โดยพิจารณาจาก 5 ปัจจัยหลัก ๆ คือ ต้นทุนการดำเนินการ ระบบราชการ-กฎระเบียบต่างๆ  ต้นทุนการผลิตในเชิงอุตสาหกรรม การเชื่อมโยงกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก และการเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่าย

กทม.ครองใจเศรษฐีต่างชาติย้ายมาพำนัก
นางณัฐชานันท์ จันทรานุวัฒน์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ บริษัท เดอะ พร็อพส์ จำกัด กล่าวว่า แม้ช่วงที่ผ่านมาอัตราการเช่าและการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติมีจำนวนลดลงไป เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในช่วงชะลอตัวต่อเนื่องจากปีที่แล้ว พอมาปีนี้ 2563 ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยต้องเผชิญไวรัสโควิด-19 


อย่างไรก็ตาม ชาวต่างชาติยังมองเมืองไทยเป็นเมืองน่าอยู่ ตอบโจทย์มากกว่าประเทศอื่น ๆ ในแถบเอเชีย และเหมาะกับการพาครอบครัวมาอาศัยในระยะยาว ด้วยความพร้อมด้านสาธารณูปโภค มาตรฐานโรงเรียนนานาชาติ ผู้คนอัธยาศัยดี ความสะดวกในการใช้ชีวิต 
 

นอกจากนั้นแล้วในมุมมองของนักลงทุนต่างชาติต่างเห็นพ้องว่า ประเทศไทยปลอดภัยที่สุด และเป็นทางเลือกอันดับต้น ๆ ของโลกที่เศรษฐีต่างชาติกำลังตัดสินใจย้ายมาพำนักมาอยู่ เนื่องจากมีระบบการดูแลรักษา ระบบการแพทย์ และการพยาบาลที่ดีที่สุด ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการที่ประเทศไทยสามารถจัดการกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วย จึงทำให้ผู้สูงอายุจากหลายประเทศสนใจที่จะย้ายมาพักระยะยาวในประเทศไทย

กทม.ครองใจเศรษฐีต่างชาติย้ายมาพำนัก
นางณัฐชานันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของของเดอะ พร็อพส์ มีกลุ่มลูกค้าเช่าอสังหาริมทรัพย์ราคาสูงๆ ได้แก่ กลุ่ม Expat และท่านทูต หรือเจ้าหน้าที่ในสถานทูต ผู้บริหารองค์กรข้ามชาติต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มลูกค้านักลงทุน โดยสัดส่วนเป็นชาวต่างชาติมากกว่าคนไทย จากประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง หรือในยุโรป โดยกลุ่มเหล่านี้ต่างก็สนใจลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ขณะที่คนไทยก็นิยมลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมมากขึ้น
 

 

"เรากำลังขยายเข้าสู่ลูกค้านักลงทุนชาวไทยมากขึ้นและเตรียมยกระดับมาตรฐานของตัวแทนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยด้วย เพราะขณะนี้มีบริษัทที่มี Certificate ระดับสูงสุดในเมืองไทยอยู่น้อยมาก ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการเปิดคอร์สสอนความรู้เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่เริ่มต้น จนถึงทำการเช่า การขาย การทำเงินจากอสังหาฯ การให้เช่าหรือขายสินทรัพย์ด้วยตนเอง กฎหมายที่ควรรู้ รวมถึงข้อมูลพิเศษเรื่องการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในต่างแดนอย่างประเทศอังกฤษแบบละเอียดทุกขั้นตอนและแง่มุม พร้อมเอกสารประกอบและคู่มือที่จะนำไปใช้ได้ง่ายๆ ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย"นางณัฐชานันท์ กล่าว

ที่มา U.S. News & World Report