นายเกรียงพล พัฒนรัฐกรรมการสู้อำนวยการบริษัทกรุงเทพธนาคมจำกัด(KT) บริษัทลูกกรุงเทพมหานคร(กทม.) ได้มีหนังสือตอบกลับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพจำกัด(มหาชน)หรือBTSC เมื่อวันที่ วันที่22มกราคม 2564 กรณีค่าจ้างเดินรถและ การซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจ KT ได้แจ้งต่อกรุงเทพมหานคร แล้วและ เข้าใจดีถึงความจำเป็น อย่างไรก็ตาม ได้เตรียมความพร้อมและหาทางแก้ไขด้วยการ เก็บค่าโดยสารสายสีเขียว ทั้งส่วนเหนือ (หมอชิต-คูคต)และ สายใต้(แบริ่ง-เคหะสมุทรปราการ)แล้วเริ่มวันที่16 กุมภาพันธ์2564 ที่จะถึงนี้ อัตรารวมทั้งระบบ 15-104 บาท ขณะเดียวกันกทม.ยังได้ตั้งงบประมาณ ต่อรัฐบาลเพื่อนำวงเงินดังกล่าวมาชำระหนี้
สำหรับเอกสาร ที่ KT ตอบกลับบีทีเอสซีมีสาระสำคัญดังนี้ ตามเอกสารที่ระบุ โดยอ้างถึง 1.สัญญาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครเลขที่ กร.ส.006ร5 ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2555 2. สัญญาการให้บริกรเดินรถและซ่อมบำรุง โครงการรถไฟฟ้สายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคตและช่วงแบริ่ง-สมุทรปรการ เลขที่ กร.ส.024/59 ลงวันที่ 1 สิงหาคม 25593. หนังสือบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่ BTSC.KT. 114512. P91 12.15.01 2021 ลงวันที่ 15 มกราคม 2564
ตามที่บริษัท กรุงทพธนาคม จำกัด ได้ทำสัญญาให้บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัค (มหาชน) (BTSC) เป็นผู้ให้บริการเดินรถละซ่อมบำรุง โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร และโครงการรถไฟฟ้สายสีขียว ตามที่อ้างถึง 1. และ 2. ซึ่งท่านได้มีหนังสือแจ้งบริษัทขอให้ดำเนินการชำระเงิน ค่าเดินรถที่ยังคงคงชำระ เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาต่อการดำเนินงานในการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงตามที่อ้างถึง 3, นั้นบริษัทขอเรียนว่ บริษัทข้ใจถึงสถานการณ์และสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นและมิได้นิ่งนอนใจในการแก้ปัญหดังกล่าว
ที่ผ่านมาบริษัทได้มีหนังสือแจ้งกรุงเทพมหานครให้รับทราบถึงปัญหาค่าจ้างเดินรถที่ค้างชำระทั้ง 2 โครงการ และเพื่อเป็นกรแก้ใขปัญหาที่เกิดขึ้น บริษัทได้เสนอทางเลือกในการกำหนดอัตราค่าโดยสารเพื่อให้กรุงเทพมหานครพิจรณจัดก็บค่ำโคยสารสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งในปัจจุบันผู้ราชการกรุงทพมหานครได้ประกาศเริ่มจัดก็บคำโดยสารแล้วตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564เป็นต้นไป ซึ่งบริษัทคาดว่าจะช่วยบรรเทาปัญหาได้ส่วนหนึ่งนอกจากนี้ บริษัทได้มีหนังสือแจ้งกรุงทพมหานครให้พิจรณาชำระค่ำเดินรถค้างชำระและจัดสรรงบประมาณเพื่อนำมาชำระค่าเดินรถระยะยาวของโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร เพื่อไม่ให้ส่ผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการให้บริการเดินรถต่อไป
อย่างไรก็ตาม บริษัทขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า บริษัทแก้ไขสถานการณ์เป็นอย่างดี รวมถึงผลกระทบที่ได้รับจากเหตุการณ์การแพร่ระบาด โควิด-1 9 และที่บริษัทก็กำลังประสบอยู่ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีทอง และใคร่ขอขอบคุณอีกครั้งที่ยังรักษาระดับการให้บริการให้อยู่ในมาตรฐานเสมอมา และขอให้คงมาตฐานการให้บริกรที่มีคุณภาพสากลอย่างต่อเนื่องต่อไป
ขณะก่อนหน้านี้ บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี มีหนังสือทวงถาม บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด (มหาชน) ชำระหนี้การให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงสะพานตากสิน-บางหว้า ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง และส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ซึ่งมีจำนวนรวมกันทั้งสิ้น 8,899,338,642.45 บาท ซึ่งบริษัทกรุงเทพธนาคมได้มีหนังสือยอมรับสภาพหนี้ ตามที่บริษัทเรียกร้อง แต่กลับไม่มีข้อเสนอใดๆ ที่จะทำให้บริษัทฯ มีความมั่นใจได้เลยว่า บริษัทฯจะได้รับชำระหนี้ที่ค้างชำระอยู่ในปัจจุบัน และในอนาคตจากกรุงเทพธนาคมหรือกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นและเจ้าของกรุงเทพธนาคม ทั้งจำนวนหรือทยอยชำระภายใต้กำหนดเวลาใดและด้วยเงื่อนไขเช่นใด
ขณะเวลาล่วงเลย ดังนั้น ได้เรียนชี้แจงมาข้างต้นแล้วนั้นว่า บริษัทฯ มีความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้ของ บริษัทฯ ที่จะต้องทำการบริหารจัดการหนี้ที่ กรุงเทพธนาคมและ กทม. ค้างชำระแก่บริษัทฯ และมีแนวทางที่ชัดเจนหากมีการที่จะต้องให้มีการสร้างหนี้เพิ่มขึ้นไปอีก โดยหนังสือฉบับนี้ บริษัทฯ จึงขอให้กรุงเทพธนาคม และ กทม. ชำระหนี้ทั้งหมด คือหนี้ค่าจ้างค้างชำระถึงวันที่ออกจดหมายฉบับนี้ ซึ่งค้างชำระมาเป็นเวลา 3 ปี 9 เดือนนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2560 คิดเป็นเงินประมาณ 9,602,927,987.84 บาท และหนี้ค่าซื้อระบบการดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) ที่จะถึงกำหนดชำระในเดือนมีนาคม 2564 คิดเป็นเงินประมาณ 20,768,979,836.13 บาท ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ มิฉะนั้น บริษัทฯ มีความจำเป็นที่จะต้องพิจารณาการใช้สิทธิตามกฎหมายและตามสัญญาของบริษัทฯ เอากับ กรุงเทพธนาคม และ กทม.ต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง