7 กรกฎาคม 2564 - บมจ. สิงห์ เอสเตท (S) บริษัทผู้พัฒนาและลงทุนอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ประกาศว่า บริษัทได้จับมือกับ 'Genesis Block' ในฮ่องกง ซึ่งเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลระบบนอกตลาด (OTC) เบอร์หนึ่งของเอเชีย โดยความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่ทำให้ผู้ซื้อต่างชาติสามารถซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยได้ด้วยสกุลเงินดิจิทัล และได้รับเอกสารอย่างเป็นทางการ ยืนยันการโอนเงินจากต่างประเทศเข้าประเทศไทยด้วย
นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สิงห์ เอสเตท เปิดเผยว่า “ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการบุกเบิกเปิดทางให้ชาวต่างชาติที่ถือสกุลเงินดิจิทัล สามารถซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญกว่านั้นจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยในประเทศไทยด้วย”
นางฐิติมา กล่าวต่อไปว่า “บริษัทฯ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก ที่ Genesis Block ในฮ่องกง ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำในการให้บริการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลหลักๆ ระบบนอกตลาด ตกลงเป็นพันธมิตรโดยตรงกับ สิงห์ เอสเตท ถือเป็นการตอกย้ำกลยุทธ์ของ สิงห์ เอสเตท ในการจับมือกับเจ้าตลาดที่ใหญ่ที่สุดในด้านต่างๆ”
“มากกว่าการอำนวยความสะดวกให้ชาวต่างชาติซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยได้ง่ายขึ้นแล้ว การเป็นพันธมิตรโดยตรงกับ Genesis Block ในฮ่องกง ยังจะช่วยให้ลูกค้าของเราทั้งในและต่างประเทศ ใช้สกุลเงินดิจิทัลได้ในราคาอัตราแลกเปลี่ยนที่ดียิ่งขึ้น และสามารถยืนยันอัตราแลกเปลี่ยนได้ในเกือบจะทันที ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย” นางฐิติมากล่าว
นางฐิติมากล่าวเพิ่มเติมว่า สิงห์ เอสเตท และ Genesis Block ยังคงมองหาโอกาสอื่นๆ ที่จะร่วมมือกัน เพื่อสร้างสรรค์การบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆ ต่อไป
นายเคลเมนท์ อิป ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร เจเนซิส บล็อค กล่าวว่า การร่วมมือครั้งนี้จะสร้างโอกาสมากมายในตลาดบล็อกเชน (Blockchain) ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และสร้างการทำงานร่วมกันที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเงินที่ยิ่งใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“การผลักดันการใช้เทคโนโลยีสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) และบล็อกเชน (Blockchain) ให้แพร่หลาย เป็นหัวใจสำคัญของวิสัยทัศน์ของ Genesis Block ตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับ สิงห์ เอสเตท ในการทำให้เกิดการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลในภาคอสังหาริมทรัพย์ เป็นการนำสกุลเงินดิจิทัลเข้ามาใช้ได้ทั่วไปมากยิ่งขึ้น ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง”
เมื่อเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมา สิงห์ เอสเตท เปิดเผยว่าบริษัทมีเป้าหมายดันรายได้ต่อปี ให้เพิ่มขึ้นสามเท่า กลายเป็นประมาณ 20,000 ล้านบาทต่อปี และมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 80,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลาสามปี