22 กรกฎาคม 2564 – จากรายงานการสำรวจตลาดพื้นที่สำนักงานในอนาคตในเอเชียแปซิฟิก ปี 2564 ของซีบีอาร์อี ที่เผยแพร่ในวันนี้ พบว่า บริษัทที่เป็นผู้เช่าพื้นที่สำนักงาน วางแผนที่จะขยายพื้นที่สำนักงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมากขึ้นในระยะยาว และนำกลยุทธ์เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและการทำงานแบบผสมผสานในรูปแบบใหม่ ๆ หรือ Hybrid Working มาใช้
การสำรวจความคิดเห็นของผู้เช่าพื้นที่สำนักงานในทุกธุรกิจและในประเทศต่าง ๆ ในเอเชียแปซิฟิก พบว่า ประมาณ 50% ของผู้ตอบแบบสำรวจส่งสัญญาณถึงเจตนารมณ์ที่จะเพิ่มพื้นที่สำนักงานในพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งนับว่าเจตนารมณ์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมากจากเพียง 23% ในเดือนตุลาคม ปี 2563
บริษัทในเอเชียเป็นกลุ่มหลักที่ต้องการขยายพื้นที่มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มบริษัทด้านเทคโนโลยี และบริษัทด้านการลงทุนและประกันภัยบางแห่ง สำหรับบริษัทข้ามชาติ การควบรวมสาขาต่างๆ และมองหาพื้นที่ที่มีคุณภาพดีที่สุดยังคงเป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญ แต่บริษัทข้ามชาติบางแห่งยังคงต้องการขยายพื้นที่ในระยะยาว อย่างเช่นบริษัทด้านเทคโนโลยี
แผนภูมิ 1: คาดหวังว่าพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในอีกสามปีข้างหน้า?
สิ่งที่ช่วยสนับสนุนแผนการขยายพื้นที่ของผู้เช่าคือความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญทั่วทั้งภูมิภาค ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ หรือ 71% เชื่อว่าสภาวะตลาดในปัจจุบันกำลังดีขึ้น ซึ่งความเชื่อมั่นนี้เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 22% และ 48% ของผู้ตอบแบบสำรวจเมื่อเดือนเมษายน 2563 และตุลาคม 2563 ตามลำดับ ผู้ตอบแบบสำรวจในจีนและแปซิฟิกมีระดับความเชื่อมั่นสูงสุด ขณะที่อินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทย มีความเชื่อมั่นน้อยสุด
ในขณะที่อัตราการติดเชื้อที่ไม่สามารถคาดเดาได้จะยังคงส่งผลต่อการฟื้นตัวของภูมิภาคโดยรวมในอนาคตอันใกล้ แต่ด้วยโครงการฉีดวัคซีนที่เกิดขึ้นทั่วทั้งภูมิภาคทำให้ความเชื่อมั่นของบริษัทต่าง ๆ แข็งแกร่งมากขึ้น
แผนภูมิ 2: สภาวะธุรกิจของบริษัทในปัจจุบันเป็นอย่างไร?
ในขณะที่การฟื้นตัวอยู่ในระดับที่เร็วขึ้นและอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้นช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เช่า บริษัทต่าง ๆ จึงตั้งใจที่จะให้พนักงานกลับเข้ามาที่สำนักงาน พร้อมทั้งเพิ่มความยืดหยุ่นและทางเลือกในการทำงานที่มากขึ้น
เมื่อมีการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคนี้ได้เป็นอย่างดี ผู้ตอบแบบสำรวจคาดหวังให้พนักงานทำงานในสำนักงานบ่อยกว่าทำงานจากที่บ้าน ทำให้การทำงานแบบไฮบริดจะกลายเป็นเรื่องปกติ ในขณะเดียวกัน บริษัทต่าง ๆ ได้เริ่มกำหนดนโยบายการทำงานนอกสำนักงานซึ่งจะขึ้นอยู่กับแนวทางปฏิบัติหรือการอนุมัติของแต่ละบริษัท ทำให้หัวหน้างานสามารถกำหนดตารางการทำงานของทีมงานและความเหมาะสมในการทำงานนอกสำนักงานได้ ซีบีอาร์อีเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงด้านรูปแบบการทำงานดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าการทำงานแบบไฮบริดจะส่งผลกระทบต่อความต้องการพื้นที่สำนักงานในอนาคตในวงจำกัด
นางสาวรุ่งรัตน์ วีระภาคย์การุณ หัวหน้าแผนกพื้นที่สำนักงาน ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า “สำหรับประเทศไทย การทดลองทำงานนอกสำนักงานในช่วงล็อกดาวน์ได้ก่อให้เกิดผลที่น่าพึงพอใจ ทำให้หลายบริษัทตั้งใจที่จะอนุญาตให้พนักงานทำงานนอกสำนักงานได้ ในทางกลับกัน ก็เป็นการกระตุ้นให้มีการหันกลับมาประเมินกลยุทธ์ด้านกำลังคนใหม่ และให้ความสำคัญกับเรื่องการลดค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่สำนักงาน
แต่แทนที่จะลดทอนความต้องการพื้นที่สำนักงานอันเป็นผลมาจากการคาดการณ์ว่าจะมีการทำงานนอกสำนักงานมากขึ้น ซีบีอาร์อีเชื่อว่าผู้เช่าจะยังคงต้องการสำนักงาน โดยที่สำนักงานได้รับการยกระดับด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้มีการจัดพื้นที่ทำงานมีความหลากหลายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับรูปแบบการทำงานของพนักงานที่แตกต่างกัน และทำให้สถานที่ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการสนับสนุนการทำงานร่วมกัน การทำงานเป็นทีม การมีส่วนร่วมของพนักงาน และนวัตกรรมที่นำมาใช้
แผนภูมิ 3: การให้คะแนนด้านต่าง ๆ เมื่อเปรียบเทียบพื้นที่ทำงานในสำนักงานกับการทำงานนอกสำนักงาน
“สำนักงานต่าง ๆ จะได้รับการจัดรูปแบบเพื่อส่งเสริมการทำงานร่วมกันและสร้างการเชื่อมโยงถึงกันมากกว่าที่ผ่านมา และการออกแบบสถานที่ทำงานจะต้องได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่ตามความเหมาะสม ซีบีอาร์อีคาดว่าจะมีความต้องการพื้นที่สำหรับการประชุมที่ไม่ได้นัดหมายไว้ล่วงหน้าและพื้นที่ส่วนกลางในสำนักงานเพิ่มมากขึ้น และจากการทำงานแบบไฮบริด บริษัทต่าง ๆ จะพิจารณาลดจำนวนห้องประชุมขนาดใหญ่ เพราะพนักงานทำงานเป็นรายบุคคลและจัดการประชุมทีมขนาดเล็กบ่อยครั้งขึ้น ในขณะเดียวกัน ผู้เช่ามีแนวโน้มที่จะคาดหวังมากขึ้นจากเจ้าของอาคารในการจัดหาโซลูชั่นและบริการต่าง ๆ ที่ต้องการสำหรับการจัดประชุมและจัดงานขนาดใหญ่” นางสาวเอดา ชอย หัวหน้าแผนกวิจัย การวิเคราะห์และการบริหารจัดการข้อมูล ของซีบีอาร์อี กล่าว
ผลการสำรวจครั้งนี้ยังมีนัยยะหลายประการสำหรับนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งหลายรายกำลังจับตาดูการฟื้นตัวของความต้องการพื้นที่สำนักงานอย่างใกล้ชิดและพยายามปรับกลยุทธ์การลงทุนเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มของผู้เช่าที่ปรากฎในการสำรวจครั้งนี้
“ในปัจจุบัน โครงการอาคารสำนักงานที่มีคุณภาพในเอเชียแปซิฟิกเป็นโอกาสน่าสนใจสำหรับนักลงทุนซึ่งสวนทางกับวัฎจักรเศรษฐกิจ นักลงทุนควรทราบถึงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนของผู้เช่าในการขยายพื้นที่ในระยะกลาง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจในเอเชีย สินทรัพย์ที่มีประวัติผู้เช่าดีและรองรับกลุ่มธุรกิจที่กำลังเติบโต เช่น ธุรกิจเทคโนโลยี สื่อ และโทรคมนาคม (TMT) และบริษัทที่มีฐานที่ตั้งในเอเชีย สินทรัพย์ดังกล่าวอยู่ในสถานะที่ดีที่จะทำผลงานได้ดีกว่า ซึ่งควรได้รับการจัดลำดับความสำคัญ เนื่องจากสินทรัพย์เหล่านั้นมีแนวโน้มที่จะดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการมองหาโครงการมีคุณภาพดีที่สุด " ดร.เฮนรี่ ชิน หัวหน้าฝ่าย Investor Thought Leadership และหัวหน้าแผนกวิจัย ซีบีอาร์อี เอเชียแปซิฟิก
นอกจากนี้ ซีบีอาร์อียังแนะนำให้นักลงทุนติดตามความต้องการเช่าพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นในโครงการที่ตอบโจทย์ในด้านสุขภาพ เทคโนโลยี และความยืดหยุ่น รวมถึงพิจารณาการให้บริการพื้นที่สำนักงานแบบยืดหยุ่นและพื้นที่สำหรับจัดประชุมแบบตามความต้องการของผู้เช่า