10 สิงหาคม 2564 - นางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย ลงนามในหนังสือ ขอความร่วมมือในการแก้ปัญหา อันเนื่องมาจาก ผลกระทบจากคําตัดสินของศาลปกครองกลาง ซึ่งมีผลกระทบในวงกว้าง ต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภาคประชาชน และความเชื่อมันในระบบเศรษฐกิจ โดยเป็นการระบุ ส่งถึง นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ใจความระบุว่า...
เนื่องด้วยกรณีที่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เจ้าของอาคารชุดแห่งหนึ่งบนถนนอโศกมนตรี (คดีแอชตันอโศก) ได้รับคําพิพากษาของศาลปกครองกลางให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างของโครงการพักอาศัยที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ และได้รับอนุญาตให้เข้าอยู่โดยมีผู้เข้าอยู่อาศัยมานานมากกว่า 2 ปี แล้ว โดยให้มีผลเป็นการย้อนหลัง สมาคมอาคารชุดไทย อันเป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นโดยผู้ประกอบการและผู้ร่วมลงทุนจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาธุรกิจอาคารชุดให้เจริญก้าวหน้า ช่วยกันแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ ที่มีอยู่ เผยแพร่แนวความคิด และรายละเอียดที่ถูกต้องการของอาคารชุดแก่ประชาชน ตลอดจนเป็นสื่อกลางที่จะติดต่อกับทางราชการและสถาบันการเงิน ซึ่งมีสมาชิกในขณะนี้รวมจํานวนกว่าสองร้อยบริษัท
โดยเป็นที่ทราบกันดีว่าธุรกิจนี้มีบทบาทสําคัญในการลงทุนของภาคเอกชน การจ้างงาน และการจัดสร้างที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนตลอดมาเกี่ยวกับเรื่องนี้สมาคมอาคารชุดไทยได้ติดตามเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และพบว่าการเพิกถอนใบอนุญาต โดยมีผลย้อนหลังแม้ว่าโครงการจะผ่านการพิจารณาจากหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจทุกภาคส่วน ตามขั้นตอนแล้ว ทั้งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย สํานักงานเขตวัฒนา ผู้อํานวยการสํานักการโยธา และกรุงเทพมหานคร จึงทําให้ได้รับใบอนุญาตครบถ้วนถูกต้อง แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทําให้เกิดข้อห่วงกังวลของผู้ได้รับผลกระทบทุกฝ่ายโดยมีโครงการที่มีลักษณะการใช้ที่ดินของหน่วยงานของรัฐเป็นทางเข้าออกนับร้อยโครงการ
นอกจากนี้เพียงโครงการเดียวดังกล่าวข้างต้น ยังมีผู้พักอาศัยถึง 578 ครอบครัว จาก 20 ประเทศทั่วโลก ที่ได้ใช้ทรัพย์ซื้อที่อยู่อาศัยอันเป็นสิ่งจําเป็นโดยสุจริต จากเหตุการณ์ข้างต้นอาจกระทบถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอันอาจมีผลต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมโดยรวม โดยเฉพาะภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจธนาคาร สินเชื่อลูกค้ารายย่อย หรือ หลักประกันการชําระหนี้ต่าง ๆ ทุกฝ่าย ขาดความเชื่อถือต่อระบบการขออนุญาตจากทางราชการและมีผลกระทบต่อความเชื่อมันของนักลงทุนทั้งในและนอกประเทศและส่งผลกระทบต่อการลงทุน การจ้างงาน และเศรษฐกิจของประเทศไทยเป็นอย่างมาก
ที่ว่างเปล่าที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ตลอดแนวก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน ซึ่งอาจเป็นตะเข็บของสิ่งปลูกสร้าง หรือที่ดินอยู่เหนือ หรือใต้สิ่งปลูกสร้างโครงการสาธารณูปโภคที่สร้างแล้วเสร็จนั้น หน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ควรมีอํานาจและหน้าที่ในการบริหารจัดการพื้นที่ดังกล่าวให้เกิดประโยชน์และรายได้สูงสุด โดยอาจมีหรือไม่มีหน่วยงานร่วมพิจารณา เช่น กรมธนารักษ์หรือหน่วยงานพิเศษใด เพื่อให้เกิดความโปร่งใส่โดยรายได้ดังกล่าว จะใช้เป็นงบประมาณในหน่วยงานเพื่อแบ่งเบาภาระทางการคลังประเทศ หรือนําส่งคืนคลังแผ่นดิน เป็นประโยชน์แก่ประเทศต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ทุกหน่วยงานควรช่วยกันลดภาระและสร้างรายได้เข้าสู่รัฐ ภายใต้กฎหมายทันสมัยและส่งเสริมต่อการบริหารประเทศ
จึงเรียนมาเพื่อขอความร่วมมือในการแก้ปัญหาอันเนื่องมาจาก ผลกระทบจากคําตัดสินของศาลปกครองกลาง ซึ่งมีผลกระทบในวงกว้างต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภาคประชาชนผู้สุจริต และความเชื่อมันในระบบเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้ ทางสมาคมฯ ขอขอบพระคุณเป็ นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้