SENA ปรับแผนธุรกิจ หดเป้ายอดโอนฯ ลุยขายหุ้นกู้ 1.2 พันล. เพิ่มกระแสเงินสด

10 ก.ย. 2564 | 04:37 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ก.ย. 2564 | 11:43 น.

SENA ลุยขายหุ้นกู้ 1,200 ลบ. เพิ่มกระแสเงินสด เดินเครื่องธุรกิจหลัก ปั้นแบรนด์ เสนา คิทท์ ขณะพับแผนเปิดโครงการใหม่ เหลือ 14 โครงการ 10,565 ล้านบาท พร้อมลดเป้ายอดโอน จาก 10,000 ล้านบาท เหลือ 6,943 ล้านบาท จากผลกระทบสั่งปิดแคมป์ เดินหน้าชูหลัก ESG สร้างเติบโตอย่างยั่งยืน

นางสาว เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ Developer รายแรกที่ทำหมู่บ้านโซลาร์เต็มรูปแบบ เปิดเผยว่าบริษัทเตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ครั้งที่ 3/2564 โดยมีจำนวนหุ้นกู้ที่เสนอขายรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 1,200 ล้านบาท  ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยหุ้นกู้มีอายุ 3 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.40% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน

 

หุ้นกู้นี้เป็นหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ โดยคาดว่าจะเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 20 – 22 กันยายน 2564 ผ่านสถาบันการเงินทั้ง 5 แห่ง อันได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด

 

วัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ เพื่อเตรียมไว้สำหรับชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอน และเพื่อชำระคืนเงินกู้ระยะยาวภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ทั้งนี้จากสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันที่ค่อนข้างผันผวน ทำให้บริษัทต้องมีการวางแผนการบริหารกระแสเงินสดด้วยความรอบคอบมากยิ่งขึ้น จึงได้มีการเสนอขายหุ้นกู้บางส่วนก่อนที่หุ้นกู้ชุดเดิมจะครบกำหนด เพื่อกระจายความเสี่ยงในกรณีที่ตลาดอาจมีความผันผวนสูงมากในอนาคต

ปัจจุบัน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทและหุ้นกู้ ที่ระดับ "BBB" แนวโน้ม "Stable" สะท้อนถึงสถานะของธุรกิจที่มีความเข้มแข็งทางการเงิน และสามารถพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างเป็นไปตามเป้าหมายทั้งโครงการในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด โดยเฉพาะทางพันธมิตรธุรกิจ ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป พร้อมร่วมลงทุนในทุกโครงการของเสนา ทำให้บริษัทมียอดขายและยอดโอนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางของผลประกอบการที่ยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด

 

สำหรับทิศทางการดำเนินงานของบริษัทนั้นมีการทบทวนปรับลดแผนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้เหลือ 14 โครงการ มูลค่ารวม 10,565 ล้านบาท จากแผนเดิม 18 โครงการ มูลค่า 16,700 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรก บริษัทเปิดโครงการใหม่ 1 โครงการ คือ โครงการ SENA KITH เวสต์เกต-บางบัวทอง และครึ่งปีหลังนี้ในไตรมาส 3/64 เปิดตัว 4 โครงการ มูลค่า 2.3 พันล้านบาท ซึ่งได้เปิดโครงการ SENA KITH ลาดกระบัง-ฉลองกรุง เฟส 1 ไปแล้ว และเตรียมจะเปิดเฟส 2 ในเดือนก.ย.นี้

 

พร้อมกับอีก 2 โครงการที่เหลือส่วนไตรมาส 4/64 จะมีจำนวนโครงการที่เปิดตัวมากที่สุด 9 โครงการ มูลค่า 7,000 ล้านบาท ที่ผ่านมาโครงการ แบรนด์ SENA KITH ที่ได้มีการเปิดตัวไปในช่วงที่ปีผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดี ทั้งนี้ ทางบริษัทคาดว่าในช่วงตั้งแต่เดือน ต.ค. 64 เป็นต้นไป หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์จะค่อยเริ่มฟื้น หลังจากผู้ซื้อเริ่มมั่นใจในสถานการณ์และกลับมาซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น

ขณะที่ยอดขายในปีนี้ ทางบริษัทปรับลดลงเหลือ 7,111 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 11,000 ล้านบาท หลังจากบริษัทตัดสินใจลดจำนวนการเปิดโครงการใหม่ โดยเลื่อนบางโครงการไปเปิดตัวในปี 2565 เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 มีผลกระทบต่อกำลังซื้อ โดยในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ส.ค. 64) บริษัทสามารถทำยอดขายได้แล้ว 3,200 ล้านบาท

 

ส่วนยอดโอนของบริษัทได้ปรับลดลงมาเหลือ 6,943 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 10,000ล้านบาท ทั้งนี้มองว่าจากผลกระทบของมาตรการปิดแคมป์คนงานที่ทำให้การโอนบางโครงการช่วงครึ่งปีหลังต้องเลื่อนออกไป โดยเฉพาะ 2 โครงการ คือ โครงการ Nich Mono Mega Space บางนา มูลค่า 2,400 ล้านบาท และโครงการ Nich Mono อิสรภาพ มูลค่า 849 ล้านบาท ที่จะมีความล่าช้าในการโอนห้องให้กับลูกค้าไปบ้าง แต่จะเริ่มกลับมาทยอยโอนในช่วงปลายไตรมาส 3/64 ต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 4/64 ปัจจุบันยอดรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ทั้งหมด 7,052 ล้านบาท สามารถรับรู้ในปีนี้ 3,689 ล้านบาท ที่ผ่านมาทางบริษัทได้มีการจัดแคมเปญเสนอราคาขายพิเศษ และแคมเปญโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อเร่งระบายสต็อกออกอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างรายได้เข้ามาให้กับบริษัท

 

อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญในการปรับแผนให้สอดรับกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของตลาดในปัจจุบันและอนาคต ที่มุ่งไปสู่การพัฒนาธุรกิจให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยนำหลักการของ ESG หรือ Environment, Social, Governance มาสู่การดำเนินงานทั้งในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริการที่ควบคู่กับการดูแลสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยไม่ได้คำนึงถึงการเติบโตทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว แม้ว่าจะทำให้ต้นทุนของบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้น แต่เป็นสิ่งที่ต้องลงทุนแต่ถือเป็นความคุ้มค่าในระยะยาวที่จะทำให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นในแบรนด์เสนา ตามปรัชญาขององค์กร “ความไว้วางใจจากลูกค้า คือ ความภูมิใจของเรา” ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้วางแนวทางการบริหารความเสี่ยง และได้เข้าไปช่วยเหลือในการเข้าถึงระบบสาธารณสุขตั้งแต่ ระดับ พนักงานภายในองค์กร  ลูกค้า ลูกบ้าน พาร์ทเนอร์ และสังคม สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นขององค์กร ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมได้แท้จริง

 

ทั้งนี้ สำหรับนักลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th