หลังจากช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร พอร์ตเจ้าสัวเจริญ ประกาศขยายการลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพสูง รับโอนที่ดินพร้อมอาคารแปลง "โรบินสัน สีลม" จากผู้ถือหุ้นเดิม บริษัท สีลม คอร์ปอเรชั่น (SILOM) ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,090 ล้านบาท
ล่าสุด นาย นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์สฯ ระบุ ถึงความคืบหน้าการพัฒนาโครงการดังกล่าว ภายใต้กลยุทธ์ต้องการเพิ่มสัดส่วนของรายได้ประจำ (Recurring Income) จากกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อพาณิชยกรรม โดยมีบริษัทย่อย เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) ทำหน้าที่บริหารจัดการ ว่า ด้วยประสบการณ์ 10 ปี ในการพัฒนาอสังหาฯเชิงพาณิชย์ ตั้งแต่โครงการ ปาร์ค เวนเจอร์ (เพลินจิต) สู่ ความสำเร็จล่าสุดของโครงการ สามย่านมิตรทาวน์ (ถ.พระราม 4) รวมพื้นที่ในการดูแลทั้งสิ้น 2.6 แสนตร.ม. นั้น
บริษัท ยังเล็งเห็นถึงการเติบโตของพื้นที่ศูนย์กลางทางธุรกิจ (CBD) โดยเฉพาะทำเล ถนนสีลม- พระราม 4 ซึ่งเป็นย่านการค้าเก่าแก่ มาตั้งแต่อดีต ขณะปัจจุบันเป็นศูนย์รวมของกลุ่มธุรกิจชั้นนำ มีออฟฟิศบิวดิ้งจำนวน 43 อาคาร และเป็นแหล่งที่ตั้งของสถาบันการเงินสำคัญระดับประเทศหลายแห่ง อีกทั้งยังร่ายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ถึง 3 แห่ง โรงเรียน 23 แห่ง และสถานพยาบาล 3 แห่ง มีผู้ทำงานและอยู่อาศัยในย่านดังกล่าวนับมากกว่า 7 แสนราย กำลังซื้อหลากหลาย และเป็นเป้าหมายของกลุ่มคนต่างชาติอีกด้วย
ด้าน ศักยภาพของที่ตั้งโครงการ โรบินสันสีลมเก่า ซึ่งที่อยู่หัวมุมถนนสีลม ตรงข้ามโรงแรมดุสิตธานี นับเป็นสุดยอดทำเลใจกลาง CBD เชื่อมต่อ กับทั้งรถไฟฟ้า BTS และ MRT ถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพฯ ขณะปัจจุบันไม่มีแลนด์แบงก์มากพอเพื่อการพัฒนาโครงการใหม่ บริษัทฯจึงเข้าไปลงทุนในลักษณะ Re-development แห่งแรก ภายใต้รูปแบบมิกซ์ยูส " โครงการสีลมเอจ " มูลค่า 1.8 พันล้านบาท ซึ่งจะมาเสริมความแข็งแกร่งและกระจายความเสี่ยง เพิ่มสัดส่วนของรายได้ประจำอีก อย่างต่ำปีละ 300 ล้านบาท โดยบริษัทฯคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการนี้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีหน้า
" สำหรับโครงการ สีลมเอจ (Silom Edge ) บริษัทำสัญญาเช่ากับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ นาน 30 ปี มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท พื้นที่ 50,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่ให้เช่า (สำนักงาน และพื้นที่ค้าปลีก) 22,000 ตารางเมตร อาคารสูง 24 ชั้น เชื่อมต่อโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และ สวนลุมพินี-สวนเบญจกิติ คาดจะเปิดโครงการได้ในช่วงเดือนกันยายน ปี 2565 หลังจากขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงพัฒนาพื้นที่ไปแล้ว 65% "
นายธนพล กล่าวอีกว่า โครงการ สีลมเอจ ต้องการเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก ผู้ประกอบการธุรกิจ Start-Up และแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่มีการเติบโตทางธุรกิจอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมา จากวิกฤติ โควิด-19 ขณะเดียวกัน จำเป็นต้องขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้าบนโลกออฟไลน์ด้วยเช่นกัน ดังนั้น การมีออฟฟิศหรือร้านค้าบนทำเลใจกลางกรุงเทพฯที่เดินทางสะดวก จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่จะช่วยสร้างแต้มต่อในการแข่งขันธุรกิจ ซึ่งสีลมเอจ จะเป็นตัวเลือกในกลุ่มธุรกิจเหล่านั้น ผ่านสัญญาเช่า และราคาค่าเช่าซึ่งยืดหยุ่น และต่ำกว่าราคาตลาด 30-40% แม้แนวโน้มการแข่งขันในกลุ่มอาคารมิกซ์ยูส มีทิศทางรุนแรงมากขึ้น จากอาคารที่จะแล้วเสร็จจำนวนมากในอนาคต
" การเพิ่มเข้ามาของมิกซ์ยูสอีกแห่ง บนถนนสีลม น่าจะยืนยันถึงศักยภาพของทำเล ได้ดี ยิ่งล่าสุด ถนนพระราม 4 ถูกประกาศให้ย่านนวัตกรรมทั้งเส้นยิ่งส่งเสริมรูปแบบของโครงการ อีกทั้งโครงข่ายรถไฟฟ้า เชื่อมต่อทั้งบนดินและใต้ดิน ทำให้ทำเลนี้จะเติบโตต่อเนื่อง ผ่านการฟีดคนใหม่ๆเข้ามาใจกลางเมือง และจะช่วยดึงดูดผู้ประกอบการ และกำลังซื้อมหาศาลให้กลับมาหลังสถานการณ์โควิด ขณะดีเดย์ เปิดประเทศ 1 พ.ย. ต้อนรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ คาดในระยะสั้น จะเป็นแกนหลักฟื้นธุรกิจไทยหลายแขนง "
ทั้งนี้ ปัจจุบัน อสังหาฯกลุ่มเจ้าสัวเจริญ ผ่านการพัฒนาของ 2 บริษัทใหญ่ ทีซีซี แอสเซ็ทส์ และ เฟรเซอร์สฯ เข้ามาปักหมุดโครงการบนถนนพระราม 4 แล้วทั้งสิ้น 6 โครงการ ได้แก่ โครงการสามย่านมิตรทาวน์ , อาคาร เอฟวายไอ เซ็นเตอร์,โครงการ เดอะ ปาร์ค ,โครงการ วัน แบงค็อก และ โครงการสีลม เอจ รวมมูลค่าทั้งสิ้นมากกว่า 1.43 แสนล้านบาท
หน้า 20 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,724 วันที่ 20 - 23 ตุลาคม พ.ศ. 2564